Properties

เจาะกลยุทธ์ ‘ไซมิส แอสเสท’ เปิดคอนโดหรูขายนักลงลงทุน 40%

ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ4
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ

อยู่ในตลาดฐานะผู้ประกอบการอสังหาฯมานานกว่า 8 ปีแล้ว สำหรับ “นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด แต่สำหรับวงการก่อสร้างอาคารสูงแล้ว เขามีประสบการณ์นานกว่านั้นในฐานะ ผู้บริหารบริษัท ฤทธา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับต้นๆ ในแวดวงก่อสร้างอาคารสูงเมืองไทย

8 ปีในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไซมิส แอสเสท พัฒนาโครงการมาหลากหลายทั้งแนวราบและแนวสูง กระทั่งล่าสุดได้ขยายลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ เป็นตลาดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ โครงการแรกของบริษัท ในชื่อโครงการ “เดอะ คอลเลคชั่น (THE COLLECTION) มูลค่า 4,800 ล้านบาท

The Collection2
ภาพจำลองโครงการ THE COLLECTION

โครงการนี้เป็นการพัฒนาที่ดิน 2 ไร่เศษ ในซอยสุขุมวิท 16 ช่วงกลางซอย ซึ่งจะเห็นวิวบึงยาสูบได้เต็มที่ เนื่องจากพัฒนาเป็นอาคารสูง 41 ชั้น ซึ่งประกอบด้วยห้องพักอาศัยทั้งสิ้น 443 ยูนิต และห้องชุดพาณิชย์ 3 ยูนิต รายละเอียดห้องชุดเริ่มตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอน 33.8-34.2 ตารางเมตร และใหญ่สุดเพ้นท์เฮาส์ 3 ห้องนอน 84.20-135.35 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นตั้งแต่ 6.2-45 ล้านบาท หรือเฉลี่ยที่ตารางเมตรละ 2.4 แสนบาท

เราพัฒนาสินค้าแบบลักชัวรี่ ใช้วัสดุชั้นนำจากอิตาลี-เยอรมนี แต่ขายในราคาที่ต่ำกว่าโครงการระดับเดียวกัน 20%

กลยุทธ์หลักขายต่ำกว่าคู่แข่ง 15-20%

การกำหนดราคาขายให้ต่ำกว่า โครงการระดับเดียวกันลงมา 15-20% คือกลยุทธ์สำคัญที่ นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่าเป็นแนวทางที่บริษัทดำเนินการมาตลอด และด้วยข้อเสนอราคาต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน

“โครงการนี้ เราคาดว่าจะมีลุกค้ากลุ่มนักลงทุนเข้ามา ประมาณ 40% เพราะมั่นใจว่า Yield หรือผลตอบแทนการลงทุน 5% ใน 5 ปีแรก หลังจากนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการที่บริษัทพัฒนามาก่อนหน้านี้เคยทำ Yield ได้สูงถึง 10% มาแล้วหลายโครงการ และ  Capital Gain หรือกำไรจากส่วนต่างราคา 40-50%” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

โครงการ THE COLLECTION จะพัฒนาเป็นโครงการระดับหรู ที่ให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบ โดยใช้สถาปนิกที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ อย่าง บริษัท ครีเอทีฟครูส์ จำกัด (Creative Crews Ltd.) เป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงการ ส่วนการออกแบบตกแต่งภายในใช้ บริษัท ออง แอนด์ ออง ดีไซน์ จำกัด (ONG & ONG Design Co., Ltd) จากสิงคโปร์

Siamese Aseet The Collection
แถลงข่าวพร้อม 5 พันธมิตรวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในโครงการ THE COLLECTION

ส่วนวัสดุอุปกรณ์ภายใน ใช้แบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศทั้งหมด ประกอบด้วย ชุดครัว แบรนด์ “ชไนเดโร –Snaidero” จากประเทศอิตาลี โดยดีไซเนอร์ผู้ออกแบบรถยนต์ Ferrari ที่ใช้กรรมวิธีปิดผิวหน้าเฟอร์นิเจอร์ เช่นเดียวกับการเคลือบสีรถ Ferrari ทำให้พื้นผิวมีสัมผัสหรูหรา เงางามและช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ

นอกจากนี้ยังใช้อุปกรณ์ชุดครัว แบรนด์ “คุปเปอร์สบุช – Kuppersbusch” จากเยอรมนี และชุดห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์ระดับมาสเตอร์พีซ ผลงานนักออกแบบระดับโลกแบรนด์ “ฮันสโกรเฮอ – Hansgrohe” จากเยอรมนี ซึ่งทุกชิ้นทำจากทองเหลืองและทางโครงการ ได้สั่งทำสีพิเศษใหม่ “โรสโกลด์” เป็นเอกลักษณ์สำหรับ THE COLLECTION

ส่วนกระเบื้องตกแต่งในโครงการ ใช้กระเบื้องหินอ่อน คุณภาพอันดับ 1 ของโลกจากประเทศอิตาลี แบรนด์ “อารีออสเทียร์ – Ariostea” จากบริษัท ไอริส เซรามิก้า กรุ๊ป (Iris Ceramica Group) มาใช้ในส่วนของครัวและพื้นห้องน้ำ

ผู้บริหารไซมิส แอสเสท เผยว่าจุดขายด้านความหรูหราของวัสดุอุปกรณ์ เป็นสิ่งที่เชิญชวนผู้ซื้อให้สนใจโครงการ และมั่นใจว่าโครงการนี้จะได้การตอบรับที่ดี จากนักลงทุน เพราะนอกจากคุณภาพที่ดีแล้ว เราเปิดขายในราคาต่ำกว่าตลาด 20% จะดึงดูนักลงทุนได้อย่างแน่นอน

The Collection1
โครงการ THE COLLECTION

มาตรการดาวน์ 20% ไม่กระทบ

ส่วนมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมากำหนดเรื่อง บ้าน-คอนโดหลังที่สอง และบ้าน-คอนโดเกิน 10 ล้าน ต้องวางดาวน์ 20% ส่วนนี้เชื่อว่าไม่กระทบการขาย เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และทางโครงการก็กำหนดเงินดาวน์ไว้ 20% ตามปกติ ลูกค้าบางรายวางดาวน์ถึง 30% ก็มี

โครงการนี้จะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งนอกจากโครงการนี้ นายขจรศิษฐ์ เผยว่าทางบริษัทยังเตรียมแผนพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะพัฒนาโครงการในย่านรัชดา ใกล้สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน บนพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง จะพัฒนาเป็นคอนโดและอาคารสำนักงาน มูลค่า 4,000 ล้านบาท ความสูง 35-47 ชั้น เปิดขายที่ราคา 1.5 แสนบาท/ตาราเมตร จะใช้แบรนด์ เอ็กซ์คลูซีฟ

นอกจากนี้ยังมีที่ดินอีกแปลง ที่ถนนพระราม9 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม เนื้อที่ 13 ไร่ครึ่ง จะสร้างเป็นโครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการในอนาคต

สำหรับการดำเนินงานในปีนี้ ของไซมิส แอสเสท คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาท มาจาก 2 โครางการ คือที่อโศก และรัชดาฯ ส่วนยอดรับรู้รายได้จะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทกำลังรวบรวมแผนดำเนินงาน ปรับระบบบัญชี เพื่อเตรียมยื่นเรื่องขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2562

 

Avatar photo