Entertainment

เอกราช สุวรรณภูมิ เจ้าพ่อเพลงดังล้านตลับ เปิดใจชีวิตผ่านความล้มเหลวถึงจุดต่ำสุด

เอกราช สุวรรณภูมิ เจ้าพ่อเพลงดังล้านตลับ เปิดใจชีวิตผ่านความล้มเหลวถึงจุดต่ำสุด 

เชื่อ !! ยังไม่หมดยุค เพราะ FC ยังติดตามผลงานไม่ขาด

   เคยมีเพลงสุดฮิตอย่าง ‘กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง’ มาแล้ว สำหรับ นักร้องลูกทุ่ง เอกราช สุวรรณภูมิ เจ้าพ่อเพลงดังล้านตลับ ที่ล่าสุดมาเปิดเผยเรื่องราวชีวิต ในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 แบบหมดเปลือกหลังหลังโด่งดังมีเงินทองมากมาย แต่หลงผิดฟุ่มเฟือย ทำธุรกิจมีแต่ขาดทุนจนเกือบหมดตัว งานหดหายต้องกลับไปทำนา แต่เชื่อยังไม่หมดยุค เพราะ FC ยังติดตามผลงานไม่ขาด

batch 511

ถาม เพราะเพลง กระเป๋าแบนแฟนทิ้งทำให้ดังระเบิดเลยใช่ไหม

เอกราช สุวรรณภูมิ เพลงนี้ทำให้เทปขายได้ล้านหกแสนม้วนขายทะลุเลยครับ เพลงนี้เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ

ถาม ถ้าให้พูดถึงความโด่งดังตอนนั้นเป็นยังไงบ้างเล่าให้ฟังได้ไหม

เอกราช สุวรรณภูมิ ตอนนั้นไปที่ไหนปากซอยนอกซอย ต่างประเทศคือดังไปถึงหมดเลยครับ ตอนนั้นคือทุกที่เปิดหมดเลยมีงาน 2-3 งานต่อคืนเลยครับ เป็นแบบนี้ต่อเนื่องมาเกือบ 10 ปีครับ ตอนที่กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ดังเปรี้ยงออกมาประมาณปี 43 ครับ แล้วก็มีเพลงดังต่อเนื่องมา สัญญาห้าบาท ขอแค่รู้ข่าว 3 เพลงนี้เป็นเพลงของครูเสลาแต่งให้ทั้งหมดเลยเป็นครูเพลงที่เปลี่ยนชีวิตให้กับผมเลย

ถาม แล้วตกใจไหมที่จากนักร้องโนเนมแล้วเปลี่ยนมาดังภายในข้ามคืน

เอกราช สุวรรณภูมิ รู้สึกดีใจมากที่สุดครับ เพราะผมเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆเลย ชอบไม่ชอบหนีโรงเรียนมาร้องเพลงเลย เข้ามาในกรุงเทพฯก็เพื่อมาเป็นนักร้องด้วย แต่เราก็ยังไม่ได้เป็นนะครับ นักร้องลูกทุ่งก็ต้องมาสู้ชีวิตครับ เข้ามาก็มาขายขนมปังสังขยา ขายลูกชิ้น แบกหามน้ำแข็งทำอยู่หลายปีครับ กว่าจะได้มาเป็นนักร้องเพื่อรอ และเพื่อหาประสบการณ์เพื่อได้รู้จักคนเยอะๆไว้ก่อนเพื่อไปสมัครร้องเพลงตามร้านอาหารต่างๆ แต่ไปสมัครที่ร้านอาหารเราก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟก่อน

ถาม ที่แน่นอนสิ่งที่มาพร้อมกับความสำเร็จคือ ชื่อเสียง และ เงินทอง ที่บอกว่าห้อมล้อมเราเยอะแยะมากมาย

เอกราช สุวรรณภูมิ สมัยที่เรามีชื่อเสียงเราเงินทองเยอะ แต่เพราะเด็กบ้านนอกคนหนึ่งพอเห็นเงินแสนเงินล้านพอได้เงินได้ทองก็อยากลงทุนนั่นนี้ อยากเปิดร้านอาหาร อยากไปทำธุรกิจตรงนั้นตรงนี้ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะพรวรรค์ของเราไม่ได้ให้มา

batch 512 

ถาม แปลว่าช่วงนั้นที่เงินผ่านมือเราเยอะเราเอาเงินไปลงทุน แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดนะแต่เพราะเรามีความสนใจ แต่เพราะความไม่รอบครอบในการใช้เงินเพราะเอาเงินไปเปลี่ยนรถถึง 30 คัน

เอกราช สุวรรณภูมิ : (หัวเราะ) คือชอบครับ คือพอเราเห็นรถรุ่นไหนดีเราขับมาหมดแล้ว แบบสมมุติว่าเราขับคันนี้มา 2-3 ปีพอเริ่มซ่อมเราก็เปลี่ยนเพราะเราต้องใช้รถในการทำงาน ก็ทำแบบนี้มาตลอดแบบขายซื้อใหม่ ขายซื้อใหม่เพราะมันมีรุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ สำหรับรถแต่เราใช้ไม่กี่ปีเราก็ขายซื้อใหม่มันก็เลยกลายเป็นเงินทุกบาทที่เราหามาไปอยู่กับรถหมดเลย

ถาม เอาจริงๆตอนนั้นไม่รู้สึกเสียดายเลยเหรอที่เงินที่เราหามาไปอยู่กับรถหมดเลย

เอกราช สุวรรณภูมิ มันเป็นความชอบของผมด้วย ผมเป็นคนขับรถเร็วด้วย 160 – 170 (แต่ไม่แนะนำให้ขับเร็วแบบนี้นะครับ) เพราะที่เราขับเร็วเราต้องไปต่ออีกงานสองงาน แต่ถ้าเราขับรถถ้าเก่าเกิดเสียกลางทางเวลาที่เราไปงานก็จะเสียงานไปด้วยและด้วยความที่ชอบ ถ้าย้อนกลับไปได้เราคงไม่เอาแล้วครับ

ถาม ถ้าจะใช้คำนี้เราหลงระเริงกับชื่อเสียและเงินทองไหม

เอกราช สุวรรณภูมิ หลงแน่นอนครับ ไม่ผิดครับถูกต้อง เพราะอย่างที่ผมว่าเราเป็นเด็กบ้านนอกไม่เคยเห็นเงินหมื่นเงินล้านอย่างวันนี้เราได้เงินมาสองแสนเราก็ใช้หมดเลยวันนี้เพราะเราคิดว่าพรุ่งนี้เราก็หาได้อีก (ซื้อของแบรนด์เนม เลี้ยงเพื่อน)

ถาม เราเพลินกับการมีชื่อเสียงเงินทองแบบนี้ แล้วจุดไหนที่เกิดสะดุดแล้วตื่นขึ้นมา

เอกราช สุวรรณภูมิ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมเบื่อกับการใช้ชีวิต เบื่อกับท้องถนนที่ต้องตะลอนไปหาเงินหาทองแล้วก็ด้วยความที่เราเป็นนักร้องมา 20 ปีแล้ว แล้วเรามีทุนอยู่ก้อนหนึ่งเราก็ไปลงทุนปลูกมันสำปะหลัง ก็ปลูกได้มา 2 ปีแล้วบางทีก็มีแมลงกินบ้างเงินที่เราลงทุนไปก็สูญเสียไป ตอนนี้ผมก็ไปทำนาอยู่บ้านแล้วก็เป็นช่วงที่งานเริ่มชาด้วย มันหดหายหมดทุกอย่างด้วยเราเลยไปทำนาอยู่บ้าน ผิวเราก็ดำเพราะเราตากแดด

batch 513

ถาม แล้วมีคนทักไหมว่าดังก็ดังแล้วทำไมมาทำนา

เอกราช สุวรรณภูมิ มีทักเยอะครับ แต่ทำยังไงได้เพราะอยู่กรุงเทพฯค่าใช้จ่ายเราก็เยอะแล้วเงินทองเราก็ไม่ค่อยมีแล้วช่วงนั้นแล้วเงินเก็บเราก็เอาไปลงทุนก็เหมือนละลายน้ำไป ส่วนเงินเก็บก็มีบ้างครับ แต่มันก็ไม่ได้มีขนาดนั้น ขนาดที่ว่าอยากจะเปิดร้านนี้ นั้น อยากจะซื้อรถแพงๆแบบนั้นไม่ได้แล้ว แต่ถ้าอยู่กินแบบสบายๆเราก็พอได้อยู่ครับ

ถาม ณ วันนั้นเราย้อนนึกเสียใจไหมกับสิ่งที่เราทำลงไป

เอกราช สุวรรณภูมิ ผมก็นึกย้อนว่าไม่เป็นไรเราเด็กบ้านนอกคนหนึ่งเราหาด้วยหน้าแข้งของเราหมดไปก็ไม่เป็นไรเรากลับไปอยู่บ้าน ชีวิตของเราก็ยังมีวาสนาผมก็กลับขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯอีกครั้งกับบริษัทโฟร์เอสไทยแลนด์ได้ 5 ปี ก็ทำอัลบั้ม เจียลออ ออกมาร้อยกว่าเพลงทุกวันนี้ผมอยู่ได้เพราะอัลบั้ม เจียละออ เป็นภาษาเขมรแปลว่า เป็นเพลงที่มีคุณภาพของอาจารย์ อย่างเพลง น้ำท่วม และต่างๆผมก็นำมาขับร้อง โฟร์เอส เขาก็ขายได้ผมก็มีงานรำวงคอมโบ ทำให้เรากลับมาเดินสายทำงานอีกครั้งแต่ไม่ได้หวือหวาแบบเมื่อก่อนเพราะว่าทุกวันนี้ ศิลปินเยอะแยะมากมายเหมือนดอกเห็ดเลยเป็นลูกทุ่งอินดี้ ลูกทุ่งอีสาน แต่ก็มีคนถามว่าของเราจะหายไปไหมจริงๆไม่หายครับ เพราะรุ่นอายุ 50 – 60 ยังฟังเราอยู่

ถาม แต่อีกเรื่องที่ เอกราช ผู้ชายคนนี้มีคือ ความเชื่อเพราะตัวเขาเองบอกเองว่าเขาเป็นคนที่ขับรถเร็วมาก คุณเอก เชื่อว่าตัวเองรอดพ้นจากการที่ประสบอุบัติเหตุแรงๆมาได้หลายๆครั้งเพราะแขวน พระพิฆเนศ ที่ได้มาจากเขมร

เอกราช สุวรรณภูมิ ใช่ครับ (อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ) คือ พ่อผมเป็นศรีสะเกษได้มอบ พระพิฆเนศ ให้ผมตอนที่ผมเข้ามากรุงเทพฯ แล้วก็มาสร้างชื่อเสียงด้วย พระพิฆเนศ แล้วผมก็ให้คำสาบานว่าผมจะไม่ทานเนื้อวัวมา 10 กว่าปี แล้วในช่วงที่ผมไปงานสามงานช่วงที่กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ฮอตๆผมก็วิ่งตอนนั้นเป็นหน้าฝนด้วยผมก็ยังมีงานอยู่วันนั้นผมมีงานที่ ปากน้ำแล้วมารังสิตและงานสุดท้ายอยู่ที่กาญจนบุรี คืนเดียวกัน แล้วเราขับเอง ซึ่งการเดินทางไปที่กาญฯคือ สามชั่วโมงกว่าๆแต่ผมขับแค่ชั่วโมงครึ่ง (แต่ห้ามทำตามนะครับไม่ปลอดภัยเลย) แล้วเจ้าภาพเขาโทรตามเราว่าพี่อีก  10 นาที นะแฟนคลับเริ่มรอไม่ไหวแล้ว ตอนนั้นเราก็กำลังเข้าเส้นกำแพงแสนแล้ว แต่มีกระบะคันหนึ่งขับมาดีๆแล้วอยู่ก็เบรคกะทันหันเราไม่มีที่ไปแล้วฝั่งที่สวนมาเป็นสิบล้อแล้วอีกฝั่งคือข้างทางแต่เป็นหญ้าก็ยิ่งทำให้ความเร็วของเรายิ่งพุ่งไปเบรคอะไรตอนนั้นไม่อยู่แล้ว ผมขนกับเสาไฟฟ้าขาดเลย เครื่องบีเอ็มคือหลุดออกจากตัวรถเลยแล้ว พระพิฆเนศ ที่ผมใส่อยู่กระเด็นไปอยู่ตรงกระจกหน้า ซึ่งกระจกหน้าร้าวหมดเลย(เหมือนท่านไปรับไว้) เนื้อตัวผมไม่มีรอยแผลไม่มีรอยซ้ำอะไรเลยครับ อีกครั้งผมไปร้องที่อุบลราชธานีผมไปพักโรงแรมหนึ่งมันเหลือห้องสุดท้ายเป็นห้องโถงใหญ่มากเพราะเราไปงานกลับมาตีสองแล้วเราเหนื่อยมากก็เลยนอน พอเปิดประตูเข้าไปเราได้กลิ่นอับมากเหม็นแบบคาวๆเลย เราก็บอกผู้จัดการเราแต่เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรนอนๆไปเดี๋ยวพรุ่งนี้เราต้องไปงานกันต่ออีก เราก็อาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งพิงที่เตียง อยู่ๆไฟก็ดับทั้งห้องเลย ก็ติดๆดับๆแบบนี้จนเราต้องเปิดประตูไปดูว่าใครมาสลับสวิตช์ไฟไหม ก็ไม่มีอะไรเราก็เริ่มกลัวแล้วตอนนั้น เราก็ปลุกผู้จัดการ พอเขาตื่นขึ้นมาเขาบอกเราว่าถ้าไม่ปลุกพี่ พี่ตาย เขาพูดแบบนี้เลยเพราะ (ผีผู้หญิงใส่ผ้าเช็ดตัวนั่งทับเขาอยู่) เขาขยับไม่ได้เลย เข้าเห็นทุกอย่างที่เราทำ เขาบอกว่าจิตของเขาออกมาไปกับเราด้วย ก็เป็นเรื่องราวของความเชื่อนะครับ ปัจจุบันนี้ก็ไม่ขับรถเร็วและไม่เปลี่ยนรถแล้วครับผม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo