ทำไมกู้เงินไม่ผ่าน จากผลกระทบของสถานการณ์ “โควิด” ในช่วงที่ผ่านมาทำให้การหา “เงินกู้” มาเสริมสภาพคล่องเงินในกระเป๋าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก แต่ทำไม!! เอกสารครบ ไม่มีเคยมีประวัติหนี้เสียถึงกู้ไม่ผ่าน หาคำตอบได้ที่นี่!
หากมีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อ สิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราต้องพิจารณาคือความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง จากนั้นจึงเลือกประเภทของสินเชื่อให้เหมาะสมกับความต้องการ แล้วทำความเข้าใจในกระบวนการและเงื่อนไขในการขอสินเชื่อ เพื่อให้เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมและได้รับอนุมัติสินเชื่อตามที่ยื่นขอ
เอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อ
การเตรียมเอกสารหลักฐานประกอบคำขอสินเชื่อนั้นอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของสินเชื่อ ซึ่งเอกสารประกอบคำขอสินเชื่อแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ
เอกสารประจำตัว เช่น
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า หรือใบมรณบัตร
- สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
- กรณีนิติบุคคล อาจใช้สำเนาทะเบียนการค้า หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
เอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น
– ผู้มีรายได้ประจำ
- ใบรับรองเงินเดือน หรือหลักฐานการรับ/จ่ายเงินเดือนจากนายจ้าง
- สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร
– ผู้มีอาชีพอิสระ
- กรณีเป็นสัญญาจ้าง อาจใช้สำเนาสัญญาว่าจ้างและหลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้าง
- กรณีเป็นแพทย์ ทนายความ ผู้สอบบัญชี วิศวกร สถาปนิก ควรแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย
- บัญชีเงินฝาก พร้อมใบแจ้งยอดบัญชี หรือสเตทเมนต์ (statement) ของบัญชีเงินฝากของตนเองหรือของกิจการย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
- หลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ใบหุ้น พันธบัตรรัฐบาล บัญชีเงินฝากธนาคาร
– นิติบุคคล
- สำเนางบการเงินปีล่าสุด และย้อนหลังไม่น้อยกว่า 3 ปี
- สำเนาแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
- สำเนาเอกสารสิทธิในทรัพย์สินที่เสนอเป็นหลักประกัน
- แผนที่แสดงที่ตั้งสถานประกอบการ
เอกสารอื่น ๆ เช่น
- สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
- สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
- สัญญากู้เงิน และสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม
- ในกรณีมีผู้กู้ร่วม จะต้องมีหลักฐานประจำตัว และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วม
- ในกรณีที่ขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ สิ่งที่จำเป็นคือแผนธุรกิจ เช่น แผนธุรกิจของ SMEs แผนโครงการที่ต้องการดำเนินการ
ทั้งนี้ เอกสารในการยื่นขอสินเชื่อแต่ละประเภทอาจแตกต่างกันออกไป ดังนั้น เราควรศึกษาหรือสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้สินเชื่ออีกครั้ง นอกจากนี้ ในการขอสินเชื่ออาจมีแบบฟอร์มอื่น ๆ ที่แนบมา ซึ่งเราควรพิจารณาก่อนกรอกข้อมูลและลงนาม เช่น
- แบบคำยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพื่อขอตรวจสอบประวัติเครดิตจาก เครดิตบูโร และนำมาวิเคราะห์การให้วงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม
- แบบคำขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของผู้ให้สินเชื่อติดต่อ แนะนำสินค้าอื่น หรือให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น ซึ่งเรามีสิทธิเลือกที่จะลงนามหรือไม่ก็ได้
- ใบคำขอประเภทอื่น เช่น คำขอมีบัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล หรือบริการแจ้งเตือน SMS
การค้ำประกันและหลักประกัน
การค้ำประกันและหลักประกันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้ให้สินเชื่ออาจใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ เพื่อให้มั่นใจว่าหากผู้ขอสินเชื่อชำระหนี้ไม่ได้ สถาบันการเงินยังมีทางที่จะได้เงินคืน เช่น สามารถยึดหลักประกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ที่ค้างอยู่ หรือให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทน โดยหลักทรัพย์ที่นิยมนำมาเป็นหลักประกัน เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงิน หุ้นกู้ และอสังหาริมทรัพย์ ในกรณีสินเชื่อที่มีบุคคลค้ำประกัน สถาบันการเงินก็จะพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกันประกอบด้วย
สิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นผู้ค้ำประกัน
อย่าลืมว่าผู้ค้ำประกันไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบที่จะเกิดตามมาได้หากลูกหนี้ผิดสัญญา ดังนั้น หากต้องเป็นผู้ค้ำประกันให้ผู้อื่นควรปฏิบัติดังนี้
1. อ่านเงื่อนไขในการค้ำประกันให้ละเอียด
2. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตความรับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกัน
3. ตรวจสอบความถูกต้องของวงเงินและประเภทของสินเชื่อที่ค้ำประกันที่ระบุในสัญญา ซึ่งแบงก์ชาติกำหนดว่าจะต้องระบุวงเงินของเงินต้นที่ค้ำประกันในสัญญาให้ชัดเจน และห้ามทำข้อตกลงว่าให้ผู้ค้ำประกันทำสัญญาค้ำประกันแบบไม่จำกัดจำนวน
4. หากสงสัยอะไรรีบถามก่อนลงชื่อในสัญญา
หลักเกณฑ์ที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาสินเชื่อ
ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับนโยบายและหลักเกณฑ์ของผู้ให้สินเชื่อแต่ละราย โดยทั่วไปแล้วมีปัจจัยหลัก ๆ ที่ใช้ประกอบการพิจารณา คือ
- นโยบายสินเชื่อของผู้ให้สินเชื่อ เช่น ผู้ให้สินเชื่อบางรายอาจกำหนดว่าผู้ยื่นขอสินเชื่อต้องไม่มีประวัติการค้างชำระในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง หรืองดให้สินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ในกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง
- วัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ เช่น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ หรือลงทุนขยายโรงงาน ซึ่งจะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต
- คุณลักษณะและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะใช้หลัก 5 Cs ประกอบด้วย
ทำไมกู้เงินไม่ผ่าน ทั้งที่ให้ข้อมูลครบถ้วนและไม่มีประวัติหนี้เสีย
การขอสินเชื่อไม่ผ่านอาจมาจากเหตุผลหลายประการ เช่น
1. นโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ แต่ละแห่งที่แตกต่างกัน
2. ภาระหนี้ที่มีอยู่ และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ หากมีภาระหนี้สินอยู่มาก หรือมีรายได้ต่ำก็อาจมีโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้มาก ซึ่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
3. ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาของลูกหนี้
4. หลักประกันความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ เช่น ผู้ค้ำประกันมีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำ หรือหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ
แต่ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม ถ้าผู้ขอสินเชื่อต้องการขอทราบเหตุผลของการไม่ปล่อยสินเชื่อ แบงก์ชาติกำหนดให้สถาบันการเงินชี้แจงเหตุผลให้ผู้ขอสินเชื่อทราบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ใครอยากกู้ให้ด่วน! ธ.ก.ส. ปิดระบบยื่นขอ ‘สินเชื่อฉุกเฉิน’ โควิด-19 วันที่ 15 ธ.ค.
- เตรียมพร้อมก่อนกู้เงิน เช็ค 5 ข้อสำคัญ ครบแบบนี้กู้ผ่านแน่นอน!
- กู้เงินด่วน ไม่ต้องมีคนค้ำ ‘ออมสิน’ ปล่อยกู้สู้โควิด อ่านรายละเอียดที่นี่เลย!