การเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที สามารถนำพาผมมาสู่จังหวัดสระบุรีได้ พอๆ กับเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในเมืองใหญ่ ที่เราก้มๆ เงยๆ อยู่แต่กับหน้าจอมือถือของตัวเอง แต่ฆ่าเวลาไปได้ถึง 2 ชั่วโมงอย่างง่ายดาย
ดังนั้น การเดินทางออกมาดูโลกกว้าง จึงเป็นสิ่งที่ให้คุณค่าทางความรู้สึกกับผมอย่างมาก อย่างน้อยก็ทำให้รับรู้ว่าตัวผมเองไม่ได้อยู่ลำพัง
หลายๆคนอาจจะไม่สะดวกใจที่จะเดินทางในช่วงนี้นัก เนื่องจากเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤตการณ์การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า(COVID-19) ซึ่งอาจทำให้ทุกท่านกังวลใจเรื่องความปลอดภัย
ผมอยากบอกว่า สบายใจและหายห่วงได้ครับ เนื่องจากตอนนี้ทุกๆที่ในประเทศเรา มีการออกตราสัญลักษณ์ “SHA” ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ความปลอดภัยทางด้านการท่องเที่ยว และเราในฐานะนักท่องเที่ยวก็สามารถป้องกันตนเองได้ในส่วนนึง
สิ่งที่เราควรทำก็คือ การสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เช็คอินจุดคัดกรองตามมาตราการ ส่วนทางด้านการรับผิดชอบต่อสังคมทั้งด้านอื่นๆที่อยากให้ทุกท่านพึงปฏิบัติเสมอคือ ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง และหากเป็นไปได้อยากให้ทุกท่านใช้ถุงผ้าเพื่อลดภาวะโลกร้อนนะครับ ปฏิบัติตามกฏต่างๆเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อครับว่าผลลัพธ์จะออกมาดีกับทุกคนแน่นอน
สำหรับการเดินทางมาสระบุรีครั้งนี้ ผมมีสถานที่ท่องเที่ยวอยากมาแนะนำทุกท่าน จะเป็นที่ไหนบ้างมาดูกันครับ พร้อมแล้ว ลุยเลย!
“วัดป่าสว่างบุญ”
“วัดป่าสว่างบุญ” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่ามหัศจรรย์สำหรับผมเป็นอย่างมาก เกิดขึ้นได้จากการหลอมรวมใจของพุทธศาสนิกชน จนเกิดมหาเจดีย์ 500 ยอด มีชื่อว่า “พระมหารัตนโลหะเจดีย์ศรีศาสนโพธิสัตว์สว่างบุญ” สีทองอร่ามตั้งตระหง่าน นำสายตาผมให้หันไปมองพร้อมชื่นชม
อีกทั้งยังมีพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 84,000 องค์ พระอุโบสถอาศรมรูปทรงสถูปดับขันธ์ปรินิพพาน พระสัจจะเจดีย์พระพุทธรูปหินปางปรินิพพาน ที่สร้างด้วยหินเพียงชิ้นเดียว ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ด้านในโบสถ์มีพระพุทธมหาทานสว่างบุญปางเชียงแสนหนึ่ง และสิ่งงดงามตระการตาอีกมากมาย รอบบริเวณวัด สงบสวยงามล้ำค่าเกินบรรยาย ดีใจที่ได้แวะมาสักการะจริงๆครับ
จากพลังศรัทธาในพุทธศาสนา ความสามัคคีของผู้คน ก็ทำให้เกิดสถานที่ที่เปี่ยมล้นด้วยพลังบุญ ไม่เพียงแค่เราควรหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บความทรงจำเท่านั้น แต่หากอยากให้สถานที่แห่งนี้สวยงามอยู่คู่เมืองสระบุรีต่อไป ขอเพียงทุกท่านหยิบปัจจัยเพียงเล็กน้อย หยอดตู้ทำบุญ
ผมเชื่อครับว่า เพียงเงินจำนวนเล็กน้อยก็สามารถทำนุบำรุงศาสนสถาน ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ครับ
“ตลาดหัวปลี”
หากมองเพียงผิวเผิน สถานที่แห่งนี้ก็อาจเป็นเพียงแค่ตลาดสำหรับค้าของฝากและจับจ่ายสินค้าสำหรับใครบางคน แต่สำหรับผมแล้ว ที่นี่ก่อกำเนิดขึ้นจากความสามัคคีของผู้คนในชุมชน และพลังแห่งความสามัคคีนี่เอง จึงเกิดเป็น “ตลาดหัวปลี” ขึ้นมา
ตลาดหัวปลีแห่งนี้ ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนกล้วย(เป็นที่มาของชื่อตลาด) และมีศูนย์ OTOP อยู่บริเวณใกล้เคียง ภายในตลาดจะมีสินค้ามากมายที่เป็นของดีของจังหวัดสระบุรี นอกจากนี้แล้วก็จะมีผลิตภัณฑ์อีกมากมายที่ผลิตจากส่วนต่างๆของต้นกล้วย อาทิ ใบตอง หัวปลี ซึ่งหัวปลีนี้ สามารถแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายรูปแบบ รวมทั้งประกอบอาหารได้ทั้งของคาวหวาน รสเลิศทีเดียวครับ
ในส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆก็มีครับ อย่าง เตาอั้งโล่ ปิ่นโต จานที่ทำจากใบไม้ ครก เสื้อผ้า ต้นไม้สายพันธุ์ต่างๆ ผลไม้ เป็นต้นครับ
ในแง่ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนทุกท่านสามารถเข้าชมพร้อมศึกษางานเกษตรแปรรูปต่างๆได้ครับ และภายในก็มีที่พักในตัวหากใครต้องการนอนค้างคืนก็ถือว่าสะดวกมากครับ มาตราการความสะอาดปลอดภัย ภายในตลาด ถือว่าป้องกันได้ดีทีเดียวครับ ครบทุกความรู้สึก ทุกองค์ความรู้มากๆครับ กับสถานที่แห่งนี้
“ทุ่งปอเทืองหลังเขา มวกเหล็ก”
มาสระบุรีทั้งที ก็ต้องพาทุกท่านมาแลนด์มาร์คที่เป็นทุ่งดอกไม้แน่นอนครับ แต่หลายคนอาจคิดว่าผมจะมาพาทุ่งทานตะวันเป็นแน่ ผมจึงนำเสนอมุมมองที่ต่างออกไป นั่นคือ ทุ่งปอเทืองหลังเขา ณ อำเภอมวกเหล็กนั่นเองครับ
ปอเทืองเป็นพืชตะกูลถั่ว ลักษณะตั้งตรงยาว ดอกสีเหลืองสดใส เป็นหลังอาหารชั้นเลิศของโคกระบือ พืชชนิดนี้จึงเหมาะกับเกษตรกรท้องถิ่นที่เลี้ยงโคกระบืออย่างมาก นอกจากนี้ ปอเทืองยังให้ทัศนียภาพความสวยงามสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวได้ดีอีกด้วย สีเหลืองอร่ามทั่วทุ่ง ดึงดูดให้ผมเข้ามาถ่ายรูป และหลงไหลความสวยงา
ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ และทุ่งแห่งนี้กว้างมากพอที่จะให้มุมมองภาพหลากหลาย เพียงตะวันเคลื่อนย้ายมุม ก็จะให้ความรู้สึก และอารมณ์ของภาพที่แตกต่างกันออกไป เราจึงต้องมีเวลาทิ้งตัวให้กับที่นี่สักพัก เพื่อสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง
“วัดเขาพรหมสวรรค์” หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “วัดซอย 6 ขวา”
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าผม คือบันไดนาคคู่ กว่า 100 ขั้น ที่ทอดยาวไปสู่ยอดเขาพรหมสวรรค์ และเมื่อเราเดินขึ้นไปยังด้านบนสุดทีละก้าว จนถึงขั้นสุดท้ายของบันได จากความเหนื่อยล้า เราจะได้รางวัลเป็นภาพวิวรอบเมือง 360 องศา ที่กว้างไกลสุดสายตา พร้อมทั้งได้มาสักการะพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ (พระศรีอาริยเมตไตย พระโคตะโม พระกัสสโป พระโกนาคมโน พระกกุสันโธ) ที่อยู่ด้านในพระอุโบสถที่ลักษณะเหมือนเจดีย์ ด้านในพระอุโบสถมีความสุขสงบ ร่มเย็น เหมาะแก่การนั่งพักให้หายเหนื่อย กินลมชมวิว แล้วเมื่อพร้อม ก็เดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ด้วยใจที่มีความสุขกันครับ
การมาเที่ยวทุกครั้งของผม ไม่ได้แสวงหาเพียงสิ่งสวยงามเท่านั้น แต่การออกเดินทางแต่ละครั้ง เรามาค้นหาคุณค่าของความมีชีวิตอยู่ เราออกมาเจอโลกภายนอก เพื่อให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่ลำพัง ยังมีคนแปลกหน้าอีกมากมาย ที่พร้อมให้รอยยิ้มเราแบบไม่ต้องมีเหตุผล มีผู้คนอีกมากมายที่พร้อมจะแบ่งปันความสุขให้เรา แบบไม่ต้องตั้งคำถาม และผมคิดว่าคุณค่าของชีวิตก็คือจุดนี้เลยครับ เราทุกคนล้วนให้และรับกันและกัน เพื่อให้ความหมายกับชีวิต
เพียงแค่เรา ออกไปใช้ชีวิตแบบที่ควรใช้ ดื่มด่ำ และมีความสุขกับมัน ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเดินทางครับ ทุกๆที่จะมีกันและกัน ไม่มีการเดินทางใดที่โดดเดียว เชื่อผม “ออกไป เพื่อ พบเจอ” กันครับ
#Amazingไทยเท่ #เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป
#fightingduo
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘สระบุรี’ เที่ยวธรรมชาติ ชมวัฒนธรรม ประทับจิต ประทับใจ
- เที่ยว ‘เพชรบุรี’ ดีงามศิลปวัฒนธรรม ประทับใจจำไม่รู้ลืม
- ศุกร์ (สุข) ละวัด สายบุญห้ามพลาด ‘วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ’