CEO INSIGHT

ร้านขายยา ‘ฟาสซิโน’ จากตึกคูหาเดียว สู่แฟรนไชส์ 105 สาขา สยายปีกโมเดลใหม่

ร้านขายยา “ฟาสซิโน” จากร้านขายยาคูหาเดียว หน้าศิริราช ตลอดเส้นทาง 37 ปี ขยับสู่แฟรนไชส์ 105 สาขา พร้อมเปิดโมเดลใหม่รับ New Normal

กว่า 37 ปี ของ ฟาสซิโน จาก ร้านขายยา คูหาเดียวเล็ก ๆ หน้า รพ.ศิริราช ต่อยอดสู่ Healthcare Destination จุดหมายปลายทางของคนรักสุขภาพ และยังถือเป็นบริษัทเดียว ที่มีทั้งค้าส่ง และร้านขายยาปลีก อย่างครบวงจร รวมไปถึงมีแบรนด์สินค้าของตัวเอง จนมีสาขา 105 สาขา  แบ่งเป็นสาขาของบริษัท 100 สาขาและแฟรนไชส์ 5 สาขา

ร้านขายยา ฟาสซิโน

ญาณิน พิศาลวาเลิศ ซีอีโอ บริษัท โปรฟาสซิโน จำกัด และบริษัท ฟาร์มาฮอฟ จำกัด ทายาทรุ่นที่ 2 ของครอบครัว “พิศาลวาเลิศ” เจ้าของแบรนด์ร้านขายยา ฟาสซิโน พาย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของธุรกิจจากรุ่นพ่อ ว่า  จากร้านขายยาคูหาเดียวหน้า รพ.ศิริราช ชื่อ “เภสัชสัมพันธ์” ที่คุณพ่อและคุณแม่ ภก. ไชยเสน และ ภญ. อรพินท์ พิศาลวาเลิศ ได้สร้างไว้

การพัฒนามาสู่ ชื่อ “Fascino ฟาสซิโน” ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นของคุณพ่อ และคุณแม่ ที่สามารถสร้างจุดเด่นให้แบรนด์ มาเป็นผู้นำในธุรกิจร้านขายยาในวันนี้ ทำให้ทุกคนรู้จัก “ฟาสซิโน” ร้านยาที่มีสินค้าครบครัน ในแบบ “One Stop Service & Best Delivery”

ดังนั้น ในฐานะผู้บริหารในยุค ดิจิทัล ดิสรัปชั่น ที่รับไม้ต่อมา จึงมีหน้าที่สานต่อ และพัฒนาจุดแข็งนี้ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ดีที่สุด

ปัจจุบัน ภาพรวมของประเภทสินค้าภายในร้าน ฟาสซิโน แบ่งเป็น ยา 55%, เครื่องมือแพทย์ 15%, Patient support 8%, ผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร 12%, เครื่องสำอาง,เวชสำอาง 5% และอื่น ๆ อีก 4%

ฟาสซิโน1

ญาณิน เล่าว่า จุดแข็งหนึ่งที่ทำให้ ฟาสซิโน ประสบความสำเร็จในวันนี้ มาจากความ “ครบวงจร” นั่นหมายถึง  One Stop Service & Best Delivery โดยมีสินค้ากว่า 10,000 รายการ เป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพที่ครบครัน ทั้งยา สินค้าเพื่อสุขภาพอื่นๆ ของคนที่ไม่ได้ป่วย แต่อยากดูแลสุขภาพ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์

สำหรับธุรกิจยา ในมุมมองของผู้บริหารฟาสซิโน เชื่อว่า เป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโต และมีส่วนช่วยในการพัฒนารายได้ของประเทศ แต่ก็ยังมีรูปแบบเฉพาะตัว เพราะ “ยา” เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ และชีวิตของประชากรในประเทศ เพราะฉะนั้น ในอีก 10 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดยังมีโอกาสโตไปได้ถึง 90,000-100,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ สะท้อนได้จาก ผลวิจัยที่พบว่า ทางเลือกแรกของคนเจ็บป่วยไม่รุนแรง คือ ร้านขายยา มากถึง 32% ขณะที่คนจะเลือกไปโรงพยาบาลเอกชน 25% และเลือกไปโรงพยาบาลรัฐเป็นตัวเลือกแรกเพียง 16% เท่านั้น

ขณะที่คนไทยเสียค่ายาในร้านขายยา เฉลี่ยแล้วครั้งละ 150-200 บาท และเป็นตัวเลขที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกปี แสดงให้เห็นว่า คนยุคใหม่ เลือกเดินเข้าร้านขายยา ไปซื้อยาทานเองมากขึ้น แทนการไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล ด้วยเหตุผลว่า คุ้มค่า สะดวก ไม่เสียเวลาเท่ากับการไปรอคิว หรือต้องเสียเวลาเดินทางนาน ๆ

ญาณิน พิศาลวาเลิศ1

จากโอกาสที่มี ยังนำมาซึ่งการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยปัจจุบัน ในประเทศไทย มีร้านขายยาถึง 16,000 แห่ง แบ่งออกเป็น ร้านขายยาของธุรกิจสาขา (เชน และแฟรนไชส์) 1,400 แห่ง คิดเป็น 9% และอีก 14,600 แห่งเป็นร้านขายยาเดี่ยวของผู้ประกอบการรายย่อย คิดเป็นสัดส่วน 91% เช่น วัตสัน, บู๊ทส์

อย่างไรก็ตาม แม้การแข่งขันจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ ฟาสซิโน ยังเติบโตได้ทุกปีต่อเนื่อง โดยปี 2562 ที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 16% จากปี 2561 ขณะที่ในปีนี้ ผลจากโควิดทำให้มีการชะลอตัวพอสมควร โดยคาดว่าจะเติบโตประมาณ 7%

ญาณิน กล่าวถึงแนวทางการขยายแฟรนไชส์ ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการมอบโอกาสให้เภสัชกรที่ทำงานกับบริษัท หากทำงานครบ 3 ปี มีโอาสเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ด้วย เพื่อให้รักษามาตรฐานของแบรนด์ไปพร้อมกัน โดยบริษัทจะให้สิทธิพิเศษ ลดค่าแฟรนไชซี 50% หรือจาก 1.5 ล้านบาท เหลือเพียง 750,000 บาท ก็สามารถมีร้านขายยาเป็นของตัวเองได้เลย

ฟาสศิโน

นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาโมเดลร้านใหม่ ภายใต้ชื่อ “Fascino Plus” ที่เน้นความเป็นไลฟ์สไตล์ ให้มากกว่าเป็นแค่ร้านขายยา ด้วยการเพิ่มบริการดูแลสุขภาพ การจักกิจกรรมเสวนาและ Workshop เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของคนทุกวัยภายในร้าน เป็นต้น

“ใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ เรามีโอกาสขยายตัวด้านแฟรนไชส์ไปได้อีกกว่า 20 สาขา รวมไปถึงโอกาสในการเข้าไปเปิดตลาดใน CLMV ซึ่งถือเป็นความท้าทายใหม่ของเราที่ต้องทำให้ได้ในอนาคต”ญาณิน กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo