Business

‘ไทยเบฟ’ จัดทัพบริหารก้าวสู่อันดับ 1 ตลาดอาเซียน

โครงสร้างทีมบริหารไทยเบฟเวอเรจ2 01
โครงสร้างทีมบริหารไทยเบฟเวอเรจ

เพิ่งเปิดแถลงข่าวใหญ่ไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจหลักของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซึ่งเป็นบริษัทคนไทย 100% แต่ไปจดทะเบียนอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ วันนี้ไทยเบฟได้ประกาศความพร้อม ตามวิสัยทัศน์ 2020 พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทอาหารเครื่องดื่มอันดับ 1 ของอาเซียน

หลังจากล่าสุดใช้เม็ดเงินไม่น้อยกว่า 1.7 แสนล้านบาท เข้าไปเทคโอเวอร์กิจการเบียร์รายใหญ่อันดับ 1 ในเวียดนาม บริษัท ไซ่ง่อนเบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ จ๊อยซ์สต๊อก คอร์ปอเรชั่น หรือ ซาเบโก้ และบริษัทสุราอันดับ 1 ในเมียนมา บริษัท แกรนด์ รอยัล กรุ๊ป มาไว้ในพอร์ต ล่าสุดไทยเบฟได้ปรับทีมบริหารวางตัวผู้ดูแลแต่ละกลุ่มธุรกิจชัดเจน

โครงสร้างทีมบริหารใหม่ไทยเบฟ ตามที่ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2561 และมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ให้น้ำหนักการบริหารธุรกิจเบียร์เป็นสำคัญ ซึ่งในวันนี้พอร์ตเบียร์ของไทยเบฟไม่ได้มีเพียงเบียร์ช้างเท่านั้น แต่ยังรวมเบียร์ของซาเบโก้ บริษัทเบียร์อันดับ 1 ในตลาดเวียดนามเข้ามาด้วย ทำให้มีสัดส่วนตลาดเบียร์ในอาเซียนถึง 240 ล้านลิตร หรือราว 24% จากตลาดรวม 1,000 ล้านลิตรต่อปี

“ฐาปน”คุมตรงพอร์ตเบียร์อาเซียน

ธุรกิจเบียร์ในภาพรวมจะอยู่ภายใต้การบริหารของ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (President and CEO) เป็นผู้กำกับดูแลโดยตรง ตามโครงสร้างบริหารที่ไทยเบฟได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งประกอบด้วย

  • นายฐาปน สิริวัฒนภักดี ตำแหน่ง President and CEO บริหารภาพรวม เน้นบริหารธุรกิจเบียร์ของทั้งกรุ๊ป
  • นายอวยชัย ตัณฑโอภาส จากตำแหน่ง Director and Senior Executive Vice President and Chief Route-to-Market  ปรับมาเป็น Chief Operating Officer-Thailand บริหารจุดแข็งในตลาดหลักของบริษัท ผนึกกลยุทธ์และสร้างสรรค์ทางธุรกิจ
  • นายไมเคิล ไชน์ ฮินฟา จากตำแหน่งเดิม Executive Vice President and Chief Brand Investment ปรับมาเป็น Executive Vice President, Finance and Accounting Group and Chief Finance Officer – International Business ดูแลด้านการเงิน โดยจะนำประสบการณ์ด้านการเงินมาสร้างมูลค่าในการลงทุน
  • นายประภากร ทองเทพไพโจน์  ตำแหน่ง Executive Vice President and Chief Spirit Product Group ยังคงดูแลในตำแหน่งเดิม แต่เพิ่มตำแหน่ง Chief Route-to-Market  เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของกลุ่ม ในการกระจายสินค้าและการเข้าถึงลูกค้า
  • นายโฆษิต สุขสิงห์ จากตำแหน่ง Executive Vice President and Chief Supply Chain Management ขยับมาเป็น Chief Beer Business -Thailand ดูแลธุรกิจเบียร์ในประเทศไทย ร่วมบริหารธุรกิจเบียร์กับนายฐาปน
  • นายแอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน จากตำแหน่ง Executive Vice President and Chief Beer Product Group ผู้สร้างความสำเร็จตลาดเบียร์ในไทย สร้างแบรนด์เบียร์ช้าง ปรับมาเป็น Executive Vice President and Chief Brand Investment  ดูและเรื่องแบรนดิ้ง และการจัดพอร์ตสินค้าในระยะยาว

เจาะอาเซียนตลาดใหม่คนหนุ่มสาว

นายฐาปน กล่าวว่า ภายใต้โครงสร้างใหม่วันนี้ ทำให้ไทยเบฟเป็นธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนในประเทศอาเซียน ซึ่งในเดือนตุลาคมปีนี้ ไทยเบฟครบรอบ 15 ปี หลังจากก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่ปี 2003

เรามีประสบการณ์ต่อเนื่องจากการทำธุรกิจสุราทิพย์ แสงโสม เสริมสุข รวมถึงเอฟแอนด์เอ็น สิงคโปร์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนาน เราจึงมองไกลระดับอาเซียน

ซีอีโอไทยเบฟ เผยว่า เหตุที่มองตลาดอาเซียนเป็นพื้นที่หลัก เพราะอาเซียนเป็นตลาดที่กำลังเติบโต เป็นโกรทมาร์เก็ตสำคัญและในปี 2030 อาเซียน จะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก ซึ่งใหญ่กว่าสหภาพยุโรป

วิสัยทัศน์ 2020
บรรยากาศงานแถลงข่าว ไทยเบฟ วิสัยทัศน์ 2020

นอกจากนี้ฐานประชากรของอาเซียน ยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นคนหนุ่มสาวที่กำลังเติบโต เป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งยักษ์ใหญ่ทั้งจีน สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ต่างก็ให้ความสำคัญตลาดอาเซียนเช่นเดียวกัน

สำหรับประเทศไทย ตลาดกำลังปรับเปลี่ยนตามฐานประชากร ซึ่งจะมีผู้สูงวัยมากขึ้น ไทยเบฟมองสินค้าที่จะตอบโจทย์ตลาดกลุ่มนี้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอลล์ในไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารโดย นายลี เม็ง ตัท ผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกรรมการผู้อำนวยการ ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ลิมิเต็ด (เอฟแอนด์เอ็น) และนายเลสเตอร์ เต็ก ชวน ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮออล์ ประเทศไทย

ขยายพอร์ตอาหารในไทยรวบ 27 แบรนด์

ส่วนธุรกิจอาหารในประเทศไทย ผู้บริหารหลักคือ นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหารประเทศไทย ดูแลรับผิดขอบแบรนด์ธุรกิจอาหาร 27 แบรนด์ในปัจจุบัน และเมื่อปีที่แล้วไทยเบฟยังได้ซื้อ แฟรนไชส์ร้านไก่ทอด KFC จำนวน 252 สาขา มูลค่า 11,400 ล้านบาท มารวมไวในพอร์ตธุรกิจอาหาร สร้างความหลากหลายในไลน์ธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น

นายฐาปน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดไทยเบฟเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมามียอดขาย 8,800 ล้านดอลลาร์ มีมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ (Market Cap) 15,300 ล้านดอลลาร์ จำนวนพนักงานภายใต้กลุ่มไทยเบฟ เพิ่มจากประมาณ 43,000 คน เป็นประมาณ 59,000 คน มาจากกิจการที่ขยายทั้งในไทย เวียดนาม และเมียนมา

ไทยเบฟยังคงมั่นใจในก้าวย่างที่จะนำพาบริษัทไปสู่การเป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มอันดับ 1 ในตลาดอาเซียน ภายใต้วิสัยทัศน์ 2020 เป้าหมายในอีก 2 ปีข้างหน้า

 

Avatar photo