“UN” เผยทั่วโลก “235 ล้านคน” รอความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในปี 64 มากเป็นประวัติศาสตร์
วานนี้ (1 ธ.ค.) มาร์ก โลว์ค็อก รองเลขาธิการใหญ่ผู้ดูแลปัญหาด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินของสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า มีผู้ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในปีหน้ามากเป็นประวัติการณ์ถึง 235 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเกือบ 40% เทียบกับปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกือบทั้งหมด
โลว์ค็อกกล่าวในระหว่างยื่นเรื่องขอเงินช่วยเหลือมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.06 ล้านล้านบาท เพื่อใช้สำหรับงานด้านมนุษยธรรมในปีหน้า ว่าวิกฤตสุขภาพที่เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้ผู้คนปั่นป่วนจากความขัดแย้ง การพลัดถิ่น และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โลว์ค็อกกล่าวว่ารายงานภาพรวมด้านมนุษยธรรมทั่วโลกในปีนี้ได้กำหนดแผนการที่จะเข้าถึงผู้ที่เปราะบางที่สุดราว 160 ล้านคนใน 56 ประเทศ
เขาชี้ว่า ในขณะที่ประเทศที่ร่ำรวยกว่าเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อป้องกันภัยพิบัติทางเศรษฐกิจอันสืบเนื่องจากโควิด-19 จนกระทั่งตอนนี้สามารถมองเห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” แต่สถานการณ์ในประเทศที่ค่อนข้างยากจนก็ยังคงล่อแหลม
เขากล่าวว่า ภาวะทุพภิกขภัยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ จึงจำเป็นต้องมีเงินทุนเพื่อ “ป้องกันความอดอยาก ต่อสู้กับความยากจน และให้เด็กๆ ได้รับวัคซีนและได้เรียนในโรงเรียน”
โลว์ค็อกยังย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น มีสัดส่วนในการพิจารณาความต้องการด้านมนุษยธรรมในปี 2564 เพิ่มขึ้น หน่วยงานด้านมนุษยธรรมมีงานมากมายที่ต้องจัดการในประเทศที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด
ที่มาสำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯ กล่าวคำปราศรัย ‘วันสหประชาชาติ’ ส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
- ‘โครงการอาหารโลก’ ของสหประชาชาติ คว้า ‘โนเบลสันติภาพ’
- WHO เตือน ‘เรมเดซิเวียร์’ ยายอดฮิตรักษาโควิด-19 ทั่วโลก ไม่ควรนำมาใช้ต่อ