Politics

บทพิสูจน์ ‘สมคิด’ เข็น ‘บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯคนนอก

ท่ามกลางฝุ่นตลบบนถนนการเมือง แต่อยู่ๆก็เกิดปรากฎการณ์ขึ้นมาทันทีเมื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องการหยั่งเชิง และอยากบอกให้ชาวโลกรู้ว่าเขาพร้อมแล้วที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า มีการวางตัวลูกทีมมือซ้ายมือขวาไว้เบ็ดเสร็จ

โดยช่วงแรกจะให้ อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มือซ้ายเป็นหัวหน้าพรรค และให้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  มือขวาเป็นเลขาธิการพรรค

ถามว่าสิ่งที่ปรากฎเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ บอกเลย“ไม่ใช่”แต่เป็นจุดเริ่มที่อยากจะให้คนการเมืองและประชาชนได้รู้มากกว่าว่านับจากนี้ไป จะเกิดพรรคการเมืองใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของคนที่อยู่กับทหาร และต้องการเปิดตัวตนให้รู้ว่า อยู่เบื้องหลังสนับสนุนบิ๊กตู่ตัวจริง หวังขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีคนนอก

บทพิสูจน์ ’สมคิด’ เข็น ’บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯคนนอก
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

เหตุที่ต้องเปิดหน้าพรรคการเมืองใหม่ที่มี สมคิด เป็นแม่ทัพหนุนหลังอยู่ ก็เพราะต้องการให้นักการเมือง แกนนำมุ้งต่างๆ เกิดการตัดสินใจจะเข้าร่วมพรรคหรือไม่ เป็นการหยั่งเชิงช่วงต้น

จากการสอบถามนักการเมืองรุ่นเก๋าหลายๆ คน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังไม่ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมพรรคการเมืองใหม่ของสมคิด พร้อมยอมรับว่ามีการทาบทามและชักชวนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สถานการณ์อย่างนี้ ยังไม่สามารถที่จะทำให้แกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ตัดสินใจได้ว่า จะไปอยู่ร่วมกับพรรคสมคิดหรือไม่ เพราะความไม่แน่นอนยังมีสูง

“แกนนำบางกลุ่มไม่กล้าตัดสินใจเพราะเกรงว่า จะมีข้อครหาทำนองไปสนับสนุนพรรคทหาร ที่สำคัญการเลือกตั้งข้างหน้าจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้ หากตัดสินใจไปตั้งแต่ตอนนี้ อาจเกิดอะไรระหว่างทางได้ มีข้อกังวลหลายอย่างที่ทำให้แกนนำการเมืองหลายคนที่ถูกทาบทามไม่กล้าตัดสินใจตอนนี้”

ฉะนั้นความสนใจของกลุ่มต่างๆ ที่จะเข้าร่วมเป็นเพียง “นอมินี” เท่านั้นส่วนตัวจริงเชื่อว่า จะยังไม่ตัดสินใจใดๆทั้งสิ้นตอนนี้  แกนนำหลายกลุ่มยังเก็บตัวเงียบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบ้านริมน้ำของ สุชาติ ตันเจริญ, พรรคพลังชล ของสนธยา คุณปลื้ม, กลุ่มของไชยา สะสมทรัพย์ และกลุ่มของสมศักดิ์ เทพสุทิน

บทพิสูจน์ ’สมคิด’ เข็น ’บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯคนนอก
อุตตม สาวนายน

ยอมรับพรรคการเมืองใหม่ผมเป็นหัวหน้าพรรคจริง

แม้ใครต่อใครมองว่าในสถานการณ์อย่างนี้ความได้เปรียบของพรรคนี้จะมีมากอยู่ก็ตาม แต่ท่ามกลางความได้เปรียบความไม่แน่นอนก็ยังมีอยู่สูง เพราะการเมืองย่อมมีอะไรที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จวบจนจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แม้ อุตตม สาวนายน ออกมายอมรับแล้วว่าเขาคือหัวหน้าพรรคใหม่แล้วก็ตาม

แต่สิ่งที่ปรากฎวันนี้หลายฝ่ายกังวลใจโดยเฉพาะนักการเมืองเกรงว่าจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ นั่นคงหมายถึงว่าเวลานี้ พรรคที่กำลังบริหารประเทศอยู่อาจจะได้เปรียบเชิงนโยบายล่วงหน้า ฉะนั้นเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

เห็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่าการที่ สมคิด จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์  เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกต่อนั้น  เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ตามกฎหมาย แต่สิ่งสำคัญอย่าใช้อำนาจมากเกินไปจะไปขัดกับหลักธรรมาภิบาล และการดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อไปสู่ความได้เปรียบเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ควรทำอย่างยิ่งขัดหลักธรรมาภิบาล  ตรงนี้หากนิ่งเฉยอาจเป็นประเด็นต่อไปได้

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ที่สำคัญหาก อุตตม สาวนายน  และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ มีตำแหน่งในพรรคการเมืองใหม่จริง ก็ต้องประกาศวางมือลุกออกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ให้ชัดเจน เพราะเก้าอี้ทั้งสองตัวถือว่ามีส่วนได้เสียในเชิงนโยบายที่ชัดเจน  เพราะหากจะลงสนามเลือกตั้งจริงๆ จำเป็นต้องสร้างความเท่าเทียม และเป็นธรรมต่อคู่แข่ง

มีคนตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุผลที่ สมคิด ไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมืองใหม่ ประเมินกันว่า หากเกิดพลาดท่าอะไร สมคิด ยังก็มีสิทธิที่จะสวมบทเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ สมคิด จำเป็นต้องหนุน “บิ๊กตู่” ไว้ก่อน เพราะถึงอย่างไรก็อยู่เรือลำเดียวกันมา หรือไม่หากวันหนึ่ง “บิ๊กตู่” ต้องลาออกก่อนเวลา สมคิด ก็อาจจะเข้าสู่โหมดนายกฯ รักษาการก็เป็นได้

สำหรับถนนสายนี้หากไม่มีเสียงตุนไว้แน่นหนาจริงๆ อาการยังน่าเป็นห่วง เพราะทั้งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคนี้ยังไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาก่อน

แม้แต่แม่ทัพกองหนุนอย่างสมคิดเอง อาจจะเคยเป็นผู้เขียนนโยบายด้านเศรษฐกิจก็ตาม แต่การลงพื้นที่หาเสียงดูยังอ่อนหัดไป

Avatar photo