Business

สั่งเช็คบิล ร้านค้า คนละครึ่ง คิดค่าเน็ต ฉวยขึ้นราคาสินค้า วอนซื่อสัตย์ รักษาสิทธิ

ร้านค้า คนละครึ่ง ฉวยโอกาสคิดค่าเน็ต บวกเพิ่มราคาสินค้า คลังสั่งตรวจสอบด่วน ลั่นถ้าผิดจริง ตัดสิทธิเข้าร่วมโครงการ พร้อมเอาผิดตามกฏหมาย

จากกรณีข่าวบนโลกออนไลน์ แพร่คลิปกรณี ร้านค้า คนละครึ่ง ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า โดยให้เหตุผลกับลูกค้าว่า ต้องเสียค่าอินเทอร์เน็ต นั้น ล่าสุด กระทรวงการคลัง สั่งตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว หากพบว่าผิดจริง จะดำเนินการตัดสิทธิออกจากโครงการ พร้อมดำเนินคดี

แจกเงิน 3000 คนละครึ่ง ๒๐๑๒๐๑

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้ประสานขอความร่วมมือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการติดตาม และตรวจสอบประเด็นดังกล่าวด้วยแล้ว

ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้แอปพลิเคชัน ตลอดจนการจ่ายเงินของร้านค้าทันที และอาจจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

“ขอความร่วมมือร้านค้า ให้ซื่อสัตย์ต่อประชาชน และขอให้ประชาชน รักษาสิทธิของตัวเองด้วย โดยขอให้ทั้งสองฝ่าย ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข ของโครงการอย่างเคร่งครัด”นายพรชัย กล่าว

ดังนั้น ขอความร่วมมือประชาชน และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอให้ร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หรือดำเนินการด้วยวิธีการอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น เนื่องจากเป็นการเอาเปรียบประชาชน และทำลายบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอย

พรชัย ฐีระเวช
พรชัย ฐีระเวช

นอกจากนี้ ยังเป็นการดำเนินการ ที่ผิดเงื่อนไขของโครงการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ในการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ตลอดจนช่วยให้ร้านค้า มีรายได้เพิ่มมากขึ้น

หากพบพฤติกรรมการขึ้นราคาสินค้า หรือมีการใช้จ่าย ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ อาทิ การรวมค่าบริการอินเทอร์เน็ตมือถือของร้านค้า อยู่ในราคาสินค้า สามารถแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการ โดยส่งข้อมูลมาที่ [email protected] หรือติดต่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3697 3527 3548 3509 หรือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.7 แสนร้านค้า และผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9,515,956 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 31,777 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 16,226 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 15,551 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 184 บาทต่อครั้ง

ส่วนจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และชลบุรี ตามลำดับ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง และ ธนาคารกรุงไทย ได้มีการติดตาม และตรวจสอบพฤติกรรม หรือธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยได้ระงับสิทธิ การใช้แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และระงับการจ่ายเงินให้แก่ร้านค้า ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขของ โครงการคนละครึ่ง อย่างต่อเนื่อง

พร้อมทั้งมีการนำส่งข้อมูลหลักฐาน การกระทำความผิดให้แก่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อใช้สำหรับการสืบสวน สอบสวน และดำเนินคดี ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

“ขอความร่วมมือประชาชน และร้านค้า ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขของ โครงการคนละครึ่ง และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวน ตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เป็นการดำเนินการผิดเงื่อนไข โดยไม่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าจริง อย่างเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ ในการสนับสนุน ให้เกิดการกระทำความผิด ซึ่งจะมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไปด้วย”นายพรชัย กล่าว

สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียน โครงการคนละครึ่ง รอบเก็บตก เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 และได้รับ SMS ยืนยันสิทธิแล้ว ขอให้รีบติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” พร้อมยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยขอให้เริ่มใช้สิทธิในการใช้จ่ายโดยเร็วภายใน 14 วัน นับจากวันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo