Entertainment

จบมหากาพย์ดราม่า! พชร์-นิก ยุติปมบาดหมาง กอดโชว์สื่อ เหมือนไม่เคยทะเลาะกัน

จากมหากาพย์ดราม่าเกี่ยวกับสัญญาระหว่างผู้กำกับคนดัง พชร์ อานนท์ กับนักแสดงวัยรุ่นชื่อดังในสังกัด นิก – คุณาธิป ปิ่นประดับ ที่ออกมาตอบโต้กันไปมาผ่านสื่ออยู่เป็นระยะๆ ซึ่งทางฝั่งนิกก็ว่าตัวเองหมดสัญญาแล้วโดยทางกฎหมาย เพราะพชร์ อานนท์ ผิดสัญญาไม่ยอมจ่ายค่าตัวในการโปรโมทหนัง แต่ทางด้านก็พชร์เองก็ยังยืนยันว่ายังมีสัญญาอยู่ พร้อมเดินหน้าฟ้องหมิ่นประมาท จนกลายเป็นคดีความ

แต่ล่าสุด (29 พ.ย.) พชร์ อานนท์ และ นิก คุณาธิป ก็ได้เคลียร์ใจ หวนกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งแล้ว พร้อมออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงการยุติปมบาดหมางทั้งหมด

4 พชร์ นิก 3

พชร์ : “ก็คุยกันแล้วนะครับ เพราะว่าเราก็ต้องยกโทษให้เด็ก เรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเราอาจจะไม่ค่อยได้คุยกัน ไม่ได้คุยกันตั้งแต่มีเรื่อง ก็อาจจะมีอะไรคลาดเคลื่อนนิดหน่อย หลังจากนั้นเราก็โทรหาเค้า เพราะเค้ายังมีสัญญาอยู่กับเรา 2 ปี แล้วเราก็เป็นคนดูแล เราก็ติดต่อเค้าว่าอยากเล่นหนังไหม เพราะเราก็ต้องตามสัญญาที่เราเซ็นไว้ แล้วเราก็ชวนเค้ามาเล่น เค้าก็โอเค แต่ขอเคลียร์กับพี่พชร์ก่อน เราก็บอกไม่ต้องเคลียร์หรอก เรื่องเก่าๆ ให้มันลืมๆ ไป เพราะว่าเราเข้าใจคลาดเคลื่อนกัน เข้าใจผิดกัน”

พชร์ : “สิ่งที่เราไม่เข้าใจกันมันมีหลายเรื่องครับ แต่เราก็พยายามคุยกัน พยายามเคลียร์ให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็จะพยายามไม่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ไม่ใช่ว่าเรามายอมดีกับนิก ไม่ใช่ เราเต็มใจที่จะให้โอกาสเด็กอีกครั้งหนึ่ง เพราะน้องก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมาย แต่เราก็อะ ในเมื่อจะคุยกัน เราก็คุยกัน แล้วก็ให้งานน้องทำ”

พชร์ : “เราโทรหาเค้าก่อน นิกเค้าก็พยายามจะโทรหาเราแหละ แต่เราไม่รับ คุณแม่โทรมาก็ตัดทิ้ง คือเราไม่รับเค้าเลยช่วงนั้น แต่เราก็เข้าใจเด็กไง ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่เค้าทำมันดี เราก็ไม่ว่ากัน แต่ต่อไปนี้ก็ต้องคุยกัน ว่าอะไรเป็นยังไง มันเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า ต่างคนต่างหัวร้อนทั้งคู่ เราก็เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว สไตล์เราก็เชิ่ดๆ อยู่แล้ว แต่พอเรามาคิดดูวันหนึ่ง มันเหมือนมีอะไรติดขัดในใจเรา เราก็คุยกันดีกว่า เพราะเราก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องยกโทษให้เด็ก อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เหมือนคนไทยตอนนี้ อะไรที่อภัยได้ ก็อภัยกัน เพราะว่ามันจะทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นนะครับ”

นิก : “ตอนแรกที่พี่เค้าโทรหาก็ตกใจครับ เพราะว่าเราไม่ได้คุยกันนานมากๆ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แค่เราไม่ได้พูดคุยกันมากกว่า พอมาเจอกันอะไรๆ ก็ดีขึ้นครับ ก็มีการขอโทษกันครับ ณ ตอนนั้นเลย พอพี่เค้าให้อภัยแล้ว เราก็แฮปปี้ครับผม อย่างที่บอกจริงๆ ผมไม่ได้โกรธอะไรพี่พชร์ พี่เค้าก็ไม่ได้โกรธอะไรผม แค่เราไม่ได้คุยกัน”

4 พชร์ นิก 2

นิก : “ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะกลับมาเล่นหนังแล้วครับ ผมคิดว่าชีวิตนี้ผมจะไม่เล่นหนังอีกแล้ว ผมก็ไปทำช่องยูทูปของผม ไปทางอื่น จนวันที่พี่เค้าโทรหา กลับมารอบนนี้ไม่กลัวประวัติศาสตร์ะซ้ำรอย เพราะว่าที่ผ่านมาจริงๆผมว่าพี่พชร์เค้าไม่ได้จะทำร้ายอะไรผมอยู่แล้ว มันเป็นด้วยอารมณ์ ต่างคนต่างมีอารมณ์แค่นั้นเอง”

พชร์ : “ไม่ได้เรียกว่าหายงอนหรอก เราเห็นเด็กที่เราทำงานด้วยกัน เคยอยู่สังกัดเดียวกัน พอเรารู้สึกว่าเค้ามีปัญหาเราก็อยากจะช่วยให้เค้าดีขึ้น เราก็ไม่เคยลืมเค้า ใครจะว่ายังไงเราก็ยอมรับอยู่แล้ว ว่าที่ผ่านมาทำไมถึงขึ้นศาล ทำไมถึงโวยวาย เราก็ยอมรับ เราก็ยอมรับผิด แต่ในเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องให้โอกาสเด็กคนนึง ตอนแรกว่าจะเอาให้ถึงที่สุดแต่ก็เออ..ไม่เอาดีกว่า”

พชร์ : “สติทำให้หยุดคำว่าเอาให้ถึงที่สุด เพราะตอนนั้นโมโหหัวร้อน พอคนเรามีสติก็กลับไปทบทวนว่าเรื่องมันเป็นอะไรยังไง ทำยังไงถึงจะให้มันดีขึ้น ไม่งั้นมันก็จะค้างคาใจว่าเราทะเลาะอยู่กับเด็กคนหนึ่ง เราก็ยกโทษให้ดีกว่า แล้วเราก็การที่เราให้อนาคตเด็กอีกครั้งนึง เราก็จะให้เค้าพิสูจน์ว่าเค้าจะเป็นคนเดิมไหม ไม่เกี่ยวกับมือที่3 มือที่4 ที่5 ที่6 ไม่เกี่ยว”

พชร์ : “ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่นิกเปลี่ยนแฟนใหม่ พี่พชร์ก็เลยให้โอกาส เพราะที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่องแฟน เรื่องต่างคนต่างทรนงมากกว่า เค้าก็จะสไตล์เค้า พี่ก็จะสไตล์พี่ แต่พอมาคิดดูแล้วว่าถ้าคนเราดีกัน ดีกว่าโกรธกัน เค้าคบกับใครก็เรื่องของเค้า เพราะว่าคนเก่าคนนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับพี่ แต่เราก็ต้องบอกให้เค้ารู้จักดูแลตัวเอง ให้เค้าเลือกคบคน”

4 พชร์ นิก 4

นิก : “อย่าเรียกว่าไปไหนไม่รอดเลยดีกว่า เรียกว่าอยากกลับมาเราคิดถึงกันมากกว่าครับ ผมอยากกลับมาร่วมงานกันมากกว่า พอพี่พชร์เค้าได้ติดต่อมา ผมก็แฮปปี้ที่จะอยากกลับมาทำงาน เพราะอย่างที่บอก ผมพูดตรงๆว่าตอนแรกผมก็เอียนกับการที่จะเล่นหนังไปแล้ว ผมอยากจะไปเป็นยูทูปเบอร์ ไปทางนั้นแล้ว”

พชร์ : “เราเป็นคนสไตล์นี้อยู่แล้ว คือเป็นคนให้อภัยคน ไม่ใช่กรณีนิกคนเดียว คนอื่นเราก็ให้ ถ้าใครที่เรารู้สึกว่าเค้าดีขึ้น แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนใจดี ให้อภัยแล้วรู้สึกสบายใจ อะไรที่ตะขิดตะขวงใจก็ปล่อยวาง ทำให้มันดีขึ้น”

พชร์ : “เรื่องสัญญาก็รอให้มันหมด อีก 2 ปีหมด ระหว่างนี้เค้าก็ทำงานกับเราไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจะไปทำอะไรก็ตามสบาย เรื่องของเค้า ไม่ได้บังคับให้เซ็นต่อ เราไม่บังคับแล้ว อยู่ที่จิตใจเขา เพราะคนเรามันดูแลได้แค่ตัว แต่จิตใจเราดูแลกันไม่ได้อยู่แล้ว”

นิก : “โล่งอกครับ แล้วก็อยากจะบอกคนที่เคยติดต่อมา ตอนนี้รับงานได้แล้วนะครับ”

พชร์ : “เรื่องคดีต้องรอ มันเป็นรูปของคดี แต่จริงๆ แล้วศาลก็อยากให้ประนีประนอมไกล่เกลี่ยกันมากกว่า มันก็ขึ้นอยู่กับเรา 2 คน เดี๋ยวรอศาลท่านเรียกเราอีกครั้งหนึ่ง ก็ค่อยไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาล ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ รู้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นปีหน้า”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo