Politics

‘นายกรัฐมนตรี’ ลงนามสัญญาการจัดหา ‘วัคซีนโควิด’ แล้ว

“นายกรัฐมนตรี” ลงนามสัญญาการจัดหา “วัคซีนโควิด” แล้ว เผย “ในหลวง” ทรงพระราชทานให้ “สยามไบโอไซเอนซ์” ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย ทำการผลิตแจกจ่าย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีน COVID – 19 โดยการจองล่วงหน้ากับบริษัท AstraZeneca จำกัด และสถาบันวัคซีนแห่งชาติของไทย โดยมี พ.ต.อ.ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม รองราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ประธานกรรมการ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมยุโรป และอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ร่วมพิธี

ลงนาม1

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ถือเป็นวิกฤตการณ์ ที่สร้างความเสียหายทางด้านสังคมและเศรษฐกิจแก่ประเทศต่างๆ ส่งผลกระทบต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของคนทั้งโลก แต่ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็สามารถควบคุม ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกคน ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้ออย่างจริงจัง แต่ทุกคน ยังคงต้องระมัดระวังต่อไป และไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ มีการแพร่ระบาดขึ้นอีก

ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญในการแพร่ระบาด จึงได้มีมาตรการในการป้องกันตนเอง การดูแลสุขภาพ เช่น การสวมหน้ากาก การล้างมือ และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมทั้งสนับสนุน ให้กระทรวงสาธารณสุขและทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดันให้โครงการจะทำวัคซีนในครั้งนี้ สามารถดำเนินการได้จนใกล้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าคนไทยจะมีวัคซีนใช้ในปี 2564

อย่างไรก็ตาม ต้องมีการเตรียมการภายในประเทศรับวัคซีน โดย ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย ทำการผลิตต่อ แจกจ่าย หรือบรรจุ ซึ่งต้องมีการเตรียมความพร้อมเอาไว้ และวันนี้ ทุกอย่างถือว่าพร้อมรับหากวัคซีนผลิตได้สำเร็จ นอกจากที่ดูแล และจ่ายประชาชนในประเทศ ยังมีสัญญากับอาเซียนว่า จะต้องดูแลซึ่งกันและกัน และวัคซีน จะต้องเป็นสินค้าสาธารณะ เพื่อให้คนทุกคนนั้นเข้าถึง

ลงนาม2

ส่วนด้านการวิจัย พัฒนายา และวัคซีน หรือการวิจัยอื่นๆ รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว มีการจัดทำกองทุนและระเบียบใหม่ในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งในขณะนี้ มีหลายผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพ ที่มีการผลิตภายในประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประเทศด้วย พร้อมกับในอนาคต หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้า และสามารถฟื้นฟูได้ ประเทศไทยจะต้องพึ่งตัวเองให้ได้ในเรื่องวัคซีน และจะต้องเพียงพอต่อประชาชน ทั้งในภาวะปกติและในภาวะฉุกเฉิน จะต้องดำเนินการเพื่อประชาชนและประเทศชาติของเราเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ในอนาคต

“สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความสำคัญทางด้านสุขภาพ ที่จะควบคู่กับเศรษฐกิจเสมอ และต้องคิดว่าทำอย่างไรคนไทยจะแข็งแรง และจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากนัก สุขภาพของคนต้องดีขึ้น รัฐบาลมุ่งเน้นตรงนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ใช้งบประมาณไปหลายเรื่อง แต่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพเป็นอันดับหนึ่ง เพราะทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ประเทศชาติแข็งแกร่งที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยระบุว่า ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญ ในการลงนามร่วมกันระหว่างประเทศผู้ค้นคว้าวิจัย และผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งเราได้ทำสัญญาเรื่องการจองซื้อ ก็มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ซึ่งเราก็ติดตามการพัฒนาทุกประเทศ แต่ในกลุ่มนี้มีความก้าวหน้าในระดับที่สูง และสูงมากด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นมีแนวโน้มว่าจะผลิตได้ในต้นปีหน้านี้

ลงนาม3

สิ่งสำคัญที่สุด คือ เราต้องเตรียมความพร้อมในประเทศของเรา คือการนำสู่เรื่องการบรรจุภัณฑ์ หีบห่อ อะไรก็แล้วแต่ วัคซีนต้องมีการขนย้ายและการเก็บรักษา ซึ่งก็มีบริษัทที่ลงนามร่วม มีพยานมาวันนี้ บริษัท สยามไบโอไซน์ฯ ของเราซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย เป็นพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า เราจะต้องมีบริษัทหรือหน่วยงานที่จะต้องผลิตยาและวัคซีนให้คนไทยให้เกิดความทั่วถึงในประเทศ ซึ่งถือเป็นสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ด้วย ซึ่งรัชกาลที่ 10 ก็ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดตรงนี้มา และทรงพระราชทาน พระราชานุญาตให้บริษัทสยามไบโอไซน์ฯ เป็นผู้ที่จะทำการผลิตต่อ ถ่ายทอดเทคโนโลยีเข้ามาด้วย

“คงไม่ใช่แค่ตรงนี้ เพราะวันหน้าเราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นมาอีก แต่อันนี้ถือเป็นความพร้อมของเราแล้ว ให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องของวัคซีน ก็ขอให้คนไทยทุกคนได้ช่วยกันตั้งจิตให้ทุกอย่างสำเร็จด้วยดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ลงนาม5

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าไปเยี่ยมประชาชนตามคลองมาแล้ว ทุกคนก็มีความสุขตามอัตภาพอยู่พอสมควร ที่เดือดร้อน รัฐบาลก็จะดูแลเป็นขั้นเป็นตอนไปแล้วกัน พร้อมกล่าวหยอกสื่อด้วยว่า มีใครจะฉีดวัคซีนหรือไม่ เอาสื่อไปทดลองฉีดหน่อย สัก 100 คน

“ขอให้ทำสิ่งดีๆ เถอะ วันไหนได้ทำอะไรที่ไม่มีปัญหา ตนก็มีความสุข ตราบใดที่ประเทศชาติยังไม่เรียบร้อยอะไรต่างๆ คนเป็นนายกฯ คนเป็นรองนายกฯ และคนเป็นรัฐมนตรี ไม่มีความสุข เพราะเห็นคนไทยไม่มีความสุข แต่ความสุขมันต้องอยู่ในกรอบที่มันควรจะเป็น ตามหน้าที่ สิทธิเสรีภาพ ความรับผิดชอบ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ไม่อย่างนั้นประเทศตีกันตาย ใช่ไหม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo