Politics

‘นายกฯ’ ลั่นยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด!

พล.อ.ประยุทธ์ ลั่นยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตราบที่ยังเป็น “นายกรัฐมนตรี” พร้อมตอบกรณี “ส.ศิวรักษ์” ลั่น “ม.112” มีอยู่แล้ว แต่ถ้าละเว้นมากๆ ผมก็โดน “ม.157”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีประกาศผล และมอบรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2020 และ SMEs Excellence Awards 2020

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลมีความมุ่งหมายสำคัญ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยภาครัฐ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนทุกขนาด จะเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้ขยายตัว และช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถ และเกิดการแข่งขันระดับองค์กรและระดับประเทศ ส่งเสริมให้ดินไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์

สำหรับปัญหาการทุจริตต่างๆ ตนรับไปแก้ไขให้มีความโปร่งใสให้ได้ และที่มีคนกล่าวอ้างเหล่านี้ ต้องพิสูจน์ทราบผล หากตรวจสอบแล้วผิดไม่ผิด ก็ว่าตามนั้น ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการ หากบอกว่า กระบวนการไม่ถูกอีก ก็ไม่รู้จะเชื่ออะไรเหมือนกัน ยอมรับว่า ประเทศไทยมีปัญหาสะสม หมักหมมมาอย่างยาวนาน แต่ต้องยอมรับอีกส่วนหนึ่งว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที แต่ขณะนี้ ก็มีแนวทางว่า ควรแก้ไขอะไรก่อนหรือหลัง แต่จะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าตนยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และจะขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ปัญหานั้นมีไว้ให้แก้ไข ส่วนอุปสรรคมีไว้ให้เดินผ่าน ตนคิดแค่นี้ ไม่เคยคิดถึงอย่างอื่น ซึ่งทุกคนคงเห็นได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เราทุกคนจะต้องช่วยกัน หลายอย่างเป็นความท้าทายของประเทศไทยว่าจะเดินหน้าประเทศได้อย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้ ตนขอฝากกับทุกคนเอาไว้

ผู้ว่าข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า วันนี้ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาและคงต้องทำต่อไป โดยให้ดูแลบ้านเมือง ประชาชน ให้ปลอดภัย รวมถึงดูแลการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วเท่านั้นเอง และไม่ให้เกิดการปะทะกัน

พล.อ.ประยุทธ์

“การชุมนุมก็ให้มีการขออนุญาตให้เรียบร้อย หลายอย่างทุกคนทราบดีอยู่แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นมาและมีผลกระทบกับอะไรบ้าง ทั้งกับประชาชนโดยรวม การประกอบการธุรกิจ เจ้าหน้าที่ พนักงาน การเดินทาง การจราจร มีปัญหาหมด ถ้าไม่มีการทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรมันก็คงไม่ต้องไปทำอะไร ทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงานอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็ให้กำลังใจตำรวจ และขอร้องให้สื่อให้กำลังใจตำรวจ เอาภาพการทำงานของตำรวจที่เขาทำดีๆ ออกไปบ้าง ไม่ใช่ออกภาพ หรือ ออกแต่ข่าวว่าความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ ถ้าเขาต่างคนต่างอยู่ก็ไม่มีผลกระทบซึ่งกันและกัน ซึ่งการบังคับใช้มาตรการต่างๆก็เป็นไปตามกฎหมาย

“วันนี้ขอร้องสื่อทุกสื่อด้วยแล้วกัน สิ่งที่เราถ้าพูดเรื่องเหล่านั้นออกไป แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ผิดตลอดเวลาเลยแบบนี้ มันก็เป็นการสร้างความไม่เข้าใจ ในสังคม และอาจจะไปถึงต่างประเทศด้วย ฉะนั้นขอให้คำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศ และการเคารพกฎหมายของเรา ผมก็บอกในหลายประเทศแล้วว่า ทำอะไรก็ตามต้องคำนึงถึงกฎหมายของประเทศเราด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า ในส่วนของการบังคับใช้มาตรา 112 ดำเนินการไปกี่รายแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เขาต้องทำไปตามข้อมูลและหลักฐานขึ้นไป แต่ทั้งหมดไม่ได้จบที่ตรงนี้ ต้องอยู่ที่ศาลด้วย ซึ่งศาลเป็นองค์กรอิสระ รัฐบาลไม่มีอำนาจไปก้าวล่วงกับอำนาจ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งภาคธุรการ ภาคตุลาการ อัยการ ศาล ไม่ได้เลย

“นายกฯ ไม่มีอำนาจตรงโน้น แต่ตรงนี้อำนาจของตนเพียงให้เขาทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้องภายหลัง ก็ต้องระมัดระวังซึ่งกันและกันให้มากที่สุด และขอร้องสื่อให้ช่วยกันทำด้วยแล้วกัน ให้ทุกคนเคารพกฎหมาย ถ้าเคารพกฎหมายก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตำรวจหรือใครมาทำหน้าที่หรอก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนการใช้มาตรา 112 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนใช้ แต่เจ้าหน้าที่เป็นคนใช้ กฎหมายมีอยู่แล้วหรือยังล่ะ ก็มีทุกตัว

เมื่อซักอีกว่า นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ก.ตร. มีอำนาจที่จะสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ให้ใช้มาตรานี้ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ถ้าผมละเว้นมากๆ ผมก็โดนมาตรา 157”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo