Business

กลุ่มเจมาร์ท โดดลุย ‘ที่อยู่ผู้สูงวัย’ ต่อยอดเพิ่มมูลค่า คอมมูนิตี้มอลล์

ที่อยู่ผู้สูงวัย มาแรงรับสังคมสูงวัย เจเอเอส แอสเซ็ท เครือเจมาร์ท พร้อมลุยชิมลาง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุรายวัน ตามด้วย ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจเอเอส แอสเซ็ท (J) ในเครือเจมาร์ท เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทย เข้าสู่สังคมสูงวัย ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการ เพื่อผู้สูงอายุ เติบโตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงธุรกิจ ที่อยู่ผู้สูงวัย ที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรงในปัจจุบัน และในอนาคต

ที่อยู่ผู้สูงวัย

ดังนั้น บริษัทจึงวางแผนขยายธุรกิจ สู่ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ โดยจะเริ่มจาก การพัฒนาโครงการผู้สูงอายุใน 2 ส่วน ได้แก่ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุรายวัน ในโครงการ คอมมูนิตี้มอลล์ ที่รามอินทรา และศรีนครินทร์ สามารถรองรับการให้บริการดูแลผู้สูงอายุได้ 50 คน/วัน/แห่ง เพื่อทดลองตลาดก่อน

นอกจากนี้ ยังมีแผนลงทุน พัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ในพื้นที่ด้านหลังโครงการ JAS GREEN VILLAGE คู้บอน จำนวน 80 ยูนิต ซึ่งจะเปิดให้ลูกค้าจองในช่วงไตรมาส 1/64 คาดใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาท และยังมีเงินลงทุน ในส่วนของการปรับปรุงพื้นที่คอมมูนิตี้มอลล์ บางโครงการในปีหน้าด้วย

สำหรับแผนขยายธุรกิจของบริษัท ในปี 2564 ได้ตั้งงบลงทุนรวม 500-800 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 500 ล้านบาท โดยจะซื้อที่ดินราว 100 ล้านบาท และจะใช้ 250 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างโครงการ JAS GREEN VILLAGE คู้บอนในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จ

jasๅ

ทั้งนี้ การลงทุนโครงการผู้สูงอายุของบริษัท ถือว่าเป็นโอกาส ที่จะตอบสนองความต้องการ ของคนในยุคนี้ แต่จะเน้นไปที่การให้บริการ การมีตัวเลือกในการใช้ชีวิต ของผู้สูงอายุเป็นหลัก โดยจะมุ่งเจาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้ และยังรักความสนุกสนาน ในการใช้ชีวิต แต่ลูกอาจจะทำงาน และไม่มีเวลา

ดังนั้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาส ที่จะนำบริการ เพื่อผู้สูงอายุ เข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าว โดยจะเน้นทั้ง กลุ่มลูกค้าชาวไทย และชาวต่างชาติ

“ก่อนหน้านี้เรามีแผนจะร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น และไปดูโครงการผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมาแล้ว แต่ล่าสุดมองว่า บริษัทมีศักยภาพที่จะสามารถดำเนินการเองได้ จึงตัดสินใจลงทุนเอง”นายสุพจน์ กล่าว

สุพจน์ สิริกุลภัสสร์
สุพจน์ สิริกุลภัสสร์

ขณะเดียวกัน จะเดินหน้าลงทุน พัฒนาโครงการ คอมมูนิตี้มอลล์ แห่งใหม่ อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 1 โครงการ ซึ่งปัจจุบัน อยู่ระหว่างการมองหาที่ดินเช่า ย่านรามคำแหง เพื่อพัฒนา โครงการใหม่ 1 แห่งในปี 2564 และในอนาคต มีโอกาสจะขยายไปในโซน ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ของกรุงเทพฯ ด้วย

ใน่สวนของเงินลงทุนนั้น ส่วนหนึ่ง จะมาจากการขายสินทรัพย์เข้า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ด้วยการนำโครงการ คอมมูนิตี้มอลล์ ของบริษัททั้ง 5 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 60,000 ตารางเมตร ขายเข้ากองทรัสต์ โดยพิจารณาอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ การขายเข้ากองทรัสต์ที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งได้มีการเจรจากับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง เค.อี.รีเทล (BKER)

The Jas Ramintra

อีกแนวทางหนึ่ง คือ การจัดตั้งกอง REIT ขึ้นมาเอง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายปี 2564 อีกทั้งบริษัทจะมีเงินลงทุนส่วนหนึ่ง มาจากใบสำคัญแสดงสิทธิ์ (วอร์แรนต์) J-W1 ที่จะให้ผู้ถือหน่วยได้ใช้สิทธิ์ได้ ตั้งแต่กลางปี 2565 ทำให้บริษัทจะได้เงินมารองรับการลงทุนราว 300 ล้านบาท หากมีผู้ใช้สิทธิเต็มที่

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 64 คาดว่า กำไรจะยังทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ต่อเนื่องจากปี 2563 โดยมีปัจจัยมาจาก รายได้ค่าเช่า ของโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ที่เปิดให้บริการอยู่ 4 แห่ง และมีรายได้จากโครงการใหม่ คือ JAS GREEN VILLAGE คู้บอน ที่จะมีรายได้เข้ามาตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป

นอกจากนั้น ยังมีการโอน โครงการคอนโดมิเนียม ที่เหลือขายอีก 25% เข้ามาในปีหน้า ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงต้นปี 2564 และจะเริ่มมีรายได้ จากการเปิดให้บริการ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบรายวัน ในคอมมูนิตี้มอลล์ เข้ามาหนุนผลงานเพิ่มเติม

ด้านแผนการทำกำไร จะมาจาก การปรับลดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงาน ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากผลกระทบของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทหันมาบริหารจัดการต้นทุน ให้มีประสิทธิภาพ และรัดกุมมากขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลงไปอย่างมาก ซึ่งเป็นผลบวกต่อผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปีนี้ และจะมีผลต่อเนื่องไปถึงปี 2564

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo