World News

จับตา ‘จีน-สหรัฐ’ ใครเสียประโยชน์ ‘สงครามการค้า’

ในช่วงเวลาที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง “จีน-สหรัฐ” เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศต่างเริ่มตั้งคำถามว่า “ใครจะสูญเสียมากกว่ากัน” และ “เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร”

จีน-สหรัฐ

นักวิเคราะห์มองว่า มีความเป็นไปได้ที่จีนจะประสบความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่าในการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ เพราะเศรษฐกิจจีนต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก และเกือบ 20% เป็นการส่งออกไปยังสหรัฐ

เมื่อปีที่แล้ว จีนขายสินค้าและบริการให้กับสหรัฐคิดเป็นมูลค่า 5.06 แสนล้านดอลลาร์ ในทางกลับกัน สหรัฐมีมูลค่าการส่งออกมาจีนราว 1.3 แสนล้านดอลลาร์

เดเร็ค ซิสเซอร์ส นักวิชาการ จากสถาบันกิจการอเมริกัน ผู้ช่วยให้คำปรึกษารัฐบาลอเมริกันในเรื่องจีน กล่าวว่า หากเกิดการทำสงครามทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังขึ้นมา สหรัฐจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

การเมืองตัวชี้ขาด

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีความจำเป็นที่จะต้องจบเรื่องความขัดแย้งนี้ให้เร็วกว่าฝ่ายจีน จะปล่อยให้ยืดเยื้อไปนานนักไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อการเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2561 กำลังจะเกิดขึ้น

ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนนั้น เป็นผู้บริหารประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ ที่เพิ่งมีการปรับกฎหมายเปิดทางให้เขาสามารถบริหารประเทศไปได้ตลอดชีวิต ทั้งสียังเป็นผู้ควบคุมสื่อในประเทศ และยังนั่งอยู่เหนือกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ที่มีเงินสดส่วนเกินอยู่ร่วม 3 ล้านล้านดอลลาร์

ปัจจัยทั้งหมดข้างต้น จะทำให้ผู้นำจีนสามารถตอบโต้กับเรื่องต่างๆ ได้เร็วกว่าทรัมป์ แม้กระทั่งการให้ความช่วยเหลือบริษัทจีนที่กำลังจะได้รับผลกระทบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และให้การอุดหนุนราคาถั่วเหลือง เพื่อที่ผู้บริโภคจีน จะไม่ต้องเจอกับการขาดแคลน หรือการกักตุนครั้งใหญ่

จีนเคยใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันนี้มาแล้ว ช่วงเกิดวิกฤติการเงินโลก เมื่อปี 2551 และ 2552 ด้วยการนำเงินส่วนเกินในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศออกมาใช้จ่ายอย่างหนัก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของตัวเอง และป้องกันประชาชนในประเทศไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติที่เกิดขึ้น

แม้ในขณะนี้ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน จะไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าเดิม แต่ก็ยังมีมากกว่าของสหรัฐ

สำหรับทรัมป์แล้ว สถานการณ์ไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้ โดยเขาต้องเผชิญหน้ากับบรรดาสมาชิกสภาคองเกรส พรรครีพับลิกัน ที่ต่างไม่พอใจกับนโยบายการเก็บภาษีศุลกากรของเขา

เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา เบน แซสเซ วุฒิสมาชิกรัฐเนบราสกา ของพรรครีพับลิกัน ได้ออกมากล่าวหาผู้นำสหรัฐว่า ยังไม่มีแผนที่แท้จริงที่จะเอาชนะในศึกการค้าครั้งนี้ และเป็นภัยคุกคามที่จะทำให้ภาคเกษตรของสหรัฐได้รับความเสียหายหนัก

ทรัมป์ยังเจอเสียงวิจารณ์จากวอลล์สตรีท ไล่ตั้งแต่ผู้บริหารของบริษัทขนาดใหญ่ อย่าง โบอิง ไปจนถึงเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในแถบมิดเวสต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้กับทรัมป์ และกำลังรู้สึกว่าโดนเขาทรยศ

แกนนำพรรครีพับลิกันบางราย ยังวิตกว่า การกระทำของทรัมป์ อาจทำให้พรรคต้องสูญเสียที่นั่งในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้

จีนอดทนได้นานกว่า 

อีวาน เมดิรอส กรรมการผู้จัดการยูเรเซีย กรุ๊ป อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในเรื่องเอเชีย แสดงความเห็นว่า ภายใน 12 เดือนข้างหน้า จีนจะอดทนกับข้อขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นได้มากกว่าสหรัฐ

จีน-สหรัฐ

ยิ่งไปกว่านั้น จีนยังสามารถดำเนินการได้ในอีกหลายด้านเพื่อลงโทษสหรัฐ ต่อการจุดชนวนข้อขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศขึ้นมา

จีนสามารถหยุดให้ความร่วมมือในเรื่องเกาหลีเหนือ อาจเทขายตราสารหนี้สหรัฐ เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาด และอาจทำให้บริษัทสหรัฐ ที่เข้ามาดำเนินงานในจีน อย่างไนกี้ ดิสนีย์ หรือ แอ๊ปเปิ้ล ต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันยากลำบากในการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลทรัมป์จะตอบโต้ได้ เพราะรัฐบาลสหรัฐ ไม่ได้มีอำนาจควบคุมบริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจในดินแดนของตัวเองมากนัก

ฟิล เลวีย์ นักวิชาการอาวุโส จากสภาชิคาโกด้านกิจการโลก ชี้ว่า ไม่มีทางที่จีนจะยอมก้มหัวให้กับสหรัฐในเรื่องนี้

“ไม่มีทางทีสี จิ้นผิง จะมาพูดว่า เอาละ ทรัมป์ข่มขู่เรา ดังนั้นเราน่าจะยอมแพ้ดีกว่า”

นักวิเคราะห์ยังมองว่า การตอบโต้ของจีน ดูเหมือนจะเป็นการส่งสารถึงทรัมป์ว่า จีนน่าจะเล่นเกมนี้ได้นานกว่าเขา

สถาบันบรูคกิงส์ ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ที่จีนขุู่จะจัดเก็บภาษีนำเข้านั้น จะสร้างผลกระทบต่อตำแหน่งงานราว 2.1 ล้านตำแหน่ง ทั่วทั้ง 2,783 เขตในสหรัฐ ซึ่ง 82% ของเขตเหล่านี้ ล้วนแต่ลงคะแนนเสียงให้กับทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ผ่านมา

“ดูเหมือนว่า สีอาจจะทำการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเป็นเหตุเป็นผลมากกว่าที่รัฐบาลทรัมป์ทำ โดยรัฐบาลสหรัฐ ไม่ได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเขากำลังทำร้ายคนผิดกลุ่มในการต่อสู้ครั้งนี้” เจ. สเตเปิลตัน รอย อดีตทูตสหรัฐประจำประเทศจีน ในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ บุช และบิล คลินตัน กล่าว

ที่มา: Washington Post

 

Avatar photo