Finance

บจ.mai โกยกำไรไตรมาสสาม 1,610 ล้านบาท พุ่ง 443.7%

บจ. mai เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 มียอดขายรวม 40,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.7%

บริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดผลงานไตรมาส 3/2563 มียอดขาย 40,889 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน รวม 9 เดือน มียอดขาย-กำไรสุทธิลดลง เพราะปีก่อนมีกำไรพิเศษของ บจ. ในกลุ่มทรัพยากร ส่วนอุตสาหกรรมโดดเด่น มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น คือเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในงวดไตรมาส 3/2563 มียอดขายรวม 40,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากไตรมาส 2 กำไรจากการดำเนินงานหลัก 1,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4% และมีกำไรสุทธิ 1,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.7%

ส่วนอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก 4.2% เพิ่มขึ้นจาก 3.4% และมีอัตรากำไรสุทธิ 3.8% เพิ่มขึ้นจาก 0.8% แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 22.3% เป็น 22.0% ก็ตาม

บจ.mai

ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทจำนวน 167 บริษัท คิดเป็น 95% จากทั้งหมด 176 บริษัท รายงานผลกำไรสุทธิ 110 บริษัท มียอดขายรวม 121,613 ล้านบาท ลดลง 8.5% กำไรจากการดำเนินงาน 4,640 ล้านบาท ลดลง 5.6% และมีกำไรสุทธิรวม 2,613 ล้านบาท ลดลง 69.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ เนื่องจาก ในงวด 9 เดือนแรก ปี 2562 มีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนของ บจ. แห่งหนึ่งในกลุ่มทรัพยากรมูลค่า 3,376 ล้านบาท แต่หากไม่รวมผลของ บจ. ดังกล่าว กำไรโดยรวมจะลดลง 32.5% ในส่วนของความสามารถในการทำกำไร มีอัตรากำไรขั้นต้น 22.1% เพิ่มขึ้นจาก 21.8% มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก 3.8% เพิ่มขึ้นจาก 3.7% และมีอัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 6.0% เป็น 2.1%

บจ.mai

ด้านฐานะทางการเงิน บจ.mai มีสินทรัพย์รวม 279,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากสิ้นปี 2562 ขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.09 เท่า ขณะที่สิ้นปี 2562 อยู่ที่ระดับ 1.01 เท่า

“ผลงาน 9 เดือนแรก ปี 2563 ของ บจ. mai ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ยอดขาย และกำไรสุทธิลดลง แต่ยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักได้ และยังมี 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นคือ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม” นายประพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมี บจ.mai 176 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ย. 2563) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 321.84 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 234,927.06 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,223.68 ล้านบาทต่อวัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo