ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก สำหรับนักร้องหนุ่มเสียงดี “ทอม อิศรา” ถึงดราม่าปมแตกหักของวง Room39 ระหว่างสองเพื่อนร่วมวง “มน ชุติมน” และ “แว่นใหญ่ โอฬาร” พร้อมชี้แจงโพสต์ที่เจ้าตัวระบายความในใจทำนองว่าตนไม่ได้เดินออกมาเพราะต้องการชื่อเสียงหรือต้องการเงินที่มากกว่า จนกลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนๆ ในโลกออนไลน์เมื่อข่วงกลางปีที่ผ่านมา
“จริงๆ แล้วผมว่าผมอธิบายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่ของผมเอง ใครที่ติดตามแล้วอ่านตามไทม์ไลน์ต่างๆ จะเข้าใจอยู่แล้ว ถ้าจะให้พูดตรงนี้ มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ผมเองทำใจได้แล้ว แล้วก็พร้อมที่จะก้าวข้ามผ่านไปแล้ว พี่ๆ ทั้งสองคนก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ แล้วก็ประสบความสำเร็จเรื่อยๆ อย่างของผมเอง ก็ยังพยายามทำงานของผมเองอยู่ งทุกคนกำลังเข้าที่อยู่บนแทร็คของตัวเองที่ดีแล้ว
“การที่จะต้องมานั่งพูดถึง ว่าเรื่องดีเทลยิบย่อยเป็นยังไง ผมว่ามันไม่น่าจะเหมาะสม แล้วตัวเอง หรือตัวพี่เขาเองมันหมดความรู้สึกที่จะมาเคืองกัน ผมเชื่อว่าคนเราพอถอยออกมา มันเริ่มเห็นปัญหา เริ่มเข้าใจคนๆ นั้นมากขึ้น มากกว่าการที่เราอยู่ใกล้ๆ กัน ทำงานด้วยกันใกล้ๆ ตลอดเวลา มีอะไรที่มันมันเป็นไปตามสิ่งที่เราคาดหวังไว้ในเรื่องของการทำงาน ในเรื่องต่างๆ บางทีตอนนั้นเราอาจจะแยกแยะกันไม่ได้ แต่พอเป็นแบบนี้มันไม่มีปัญหา
“ผมไม่คิดว่าเรื่องของผมจะต้องออกมาพูด เวลาที่ผมเสียใจต้องรีบออกมาระบายว่ามันเป็นอะไรยังไง ผมเชื่อว่าสถานการณ์มันจะยิ่งไปกันใหญ่ จริงๆ ถ้าไม่ได้มีคนสนใจ ไม่ได้มีคนถามถึง ก็อาจจะเงียบไปเฉยๆ ก็ได้ ถูกไหมครับ แต่การที่เราต้องการให้คนข้างนอกรู้เยอะ ต่างคนก็ต่างมีวิจารณญาณต่างกัน บางคนอาจจะเป็นเพราะว่า กูว่าเป็นแบบนี้ กูว่าเป็นแบบนี้แน่เลย เพราะมันเป็นเรื่องสนุกของคนอื่นนะ สนุกคิด คิดไปเรื่อยเลย แต่จริงๆ แล้วเอ๊ะ มันเป็นยังไงวะ”
“เราจะออกมาพูดได้มากน้อยแค่ไหน หรืออะไรอย่างไร แต่ผมก็คิดว่า ณ วันนั้นผมเอง พูดโดยไม่ได้ใช้อารมณ์แล้ว มันผ่านมานานแล้ว ถ้าผมพูดเลยตอนนั้นมันอาจจะเป็นอารมณ์ การที่เรามาพูดทีหลังคือเราใจเย็นแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ที่บอกคือจะได้เคลียร์จบ เรารู้สึกแค่นี้เอง”
“ผมก็รู้สึกแย่ที่บางคนอาจจะไม่ได้รู้เรื่องราวหรือบางคนอาจจะได้ยินมาว่าอย่างไร แต่ว่าผมได้ภรรยาที่เข้าใจ รวมถึงผมยังมีเพื่อนที่เข้าใจผม คือผมเป็นคนแคร์คนทั้งโลกนะ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่ต้องไปแคร์หรอกคนทั้งโลก แต่ผมทำไม่ได้ แค่ผมเห็นคอมเมนต์อันหนึ่งที่มันไม่ดีและมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็รู้สึกแย่แล้วครับ แต่ว่ามันก็โชคดีตรงที่คนรอบข้างผมเขายังให้กำลังใจ”
“ผมเสียใจมากครับ ผมก็ยอมรับนะว่าผมเป็นภาวะ… (ยิ้ม) แต่ว่าผมผ่านมาได้เพราะคนข้างๆ เข้าใจ คนข้างๆ เข้าใจผมจริงๆ เขารับฟังผมในเรื่องเดิมๆ ผมเสียใจเรื่องเดิมๆ มันวนเวียนอยู่อย่างนั้น และผมเองก็ไม่สบายใจทุกครั้งที่ขึ้นไปบนเวที คือเหมือนเราไม่รู้เลยว่าคนที่เขาดูเราอยู่เขาคิดอย่างไร มันต้องใช้เวลาเยอะมากครับ”
“เห็นทุกคอมเมนต์ที่บอกว่าผิดหวังในตัวเรา ผมเห็นทุกอันเลยครับถามว่าจัดการกับความรู้สึกนั้นยังไง ก็…ร้องไห้มั้ง ผมคิดว่าร้องไห้ก็คงจะดีขึ้นครับ ภรรยาฟังผมร้องไห้ทุกวัน ผมถึงได้ขอบคุณเขามากๆ เขายอมอยู่กับผมในวันที่ผมร้องไห้ทุกวันได้ ร้องไห้กับเรื่องเดิมๆ ได้”
“การโพสต์ครั้งนั้นถือเป็นการปลดล็อกแล้วนะครับ นั่นแหละผมคิดว่าเป็นเพราะผมไม่ได้พูดมากกว่า สุดท้ายแล้วใครจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจยังไงก็แล้วแต่ แต่ผมได้พูดแล้ว ที่ผ่านมาผมพยายามจะให้ทุกคนเข้าใจด้วยตัวเอง แต่มันก็เป็นสิทธิ์ของเขาครับ ผมคิดว่าผมดีขึ้นแล้วนะครับ แต่ก็อาจจะมีบ้างว่าแว๊บๆ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เหมือนแค่ไหนต้องดูเอง! ลูกสาวซุป’ตาร์บอลลีวู้ด ที่หลายคนบอกว่าคล้าย ‘ลิซ่า BLACKPINK’
- ตุ๊ก ชนกวนันท์ เจ็บหนัก ถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง สูญเงินกว่า 6 หลัก ลั่น เวรกรรมมีจริง