Business

ยื่น ‘ดีเอสไอ’ สอบเส้นทางเงิน นิติบุคคล ‘ท่องเที่ยว-อสังหาฯ’ 5 ราย เข้าข่าย ‘นอมินี’

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผลตรวจสอบ “นอมินี” ปี 63 พบนิติบุคคล 5 ราย ทำธุรกิจ”ท่องเที่ยว- อสังหาฯ”  เข้าข่ายความผิดนอมินี พบมีคนไทยให้การช่วยเหลือ ร่วมทำธุรกิจ ถือหุ้นแทน เลี่ยงกฎหมายรวม 7 ราย เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ ลุยต่อปีหน้า สอบ”ท่องเที่ยว-อสังหาฯ-ล้ง” ใน 10 จังหวัด  

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงการตรวจสอบคนไทย ที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจ หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ในปี 2563 ว่าได้ตรวจสอบธุรกิจเป้าหมาย 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม รีสอร์ท โดยตรวจสอบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีคนต่างชาติมาลงทุน เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) กระบี่ พังงา ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพฯ

ผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบนิติบุคคลน่าสงสัยว่า อาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นความผิดนอมินี 5 ราย ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 2 ราย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3 ราย (จังหวัดชลบุรี 4 ราย และประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย) กรมฯ ได้ส่งข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกแล้ว เช่น ตรวจสอบความสัมพันธ์ของคนไทยกับชาวต่างชาติ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ตรวจสอบการจ่ายชำระภาษี  เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีทางดีเอสไอ อาจขยายผลเพิ่มเติม หากพบข้อมูลเชื่อมโยงถึงธุรกิจรายอื่นๆ หากธุรกิจที่กระทำความผิดมีมูลค่าสินทรัพย์ ตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ทางดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ทศพล ทังสุบุตร

“จากการดำเนินการตรวจสอบ พบพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชี้ชัดได้ว่ามีคนไทยและคนต่างด้าวที่ยินยอมให้คนไทยให้ความช่วยเหลือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจ หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 รวม 7 ราย ซึ่งธุรกิจเหล่านี้มีความผิดตามมาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งกรมฯ จะร้องทุกข์กล่าวโทษตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”นายทศพล กล่าว

นายทศพล กล่าวว่าในปี 2564 กรมฯ มีแผนการตรวจสอบต่อเนื่อง และกำหนดกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย 3 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับการเกษตร (ล้ง) ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพฯ แต่ในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวซบเซา ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเช่นเดิม ดังนั้น กรมฯ จะร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรเน้นการตรวจสอบเชิงแนะนำการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายมากกว่า

“การกระทำความผิดเกี่ยวกับการเป็นนอมินี ส่วนใหญ่เกิดจากการที่มีคนไทยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือที่ปรึกษากฎหมายแนะนำให้หลีกเลี่ยงกฎหมาย และจากฐานข้อมูลพบว่า มีคนไทยถือหุ้นในกิจการร่วมกับคนต่างด้าวในหลายๆ กิจการ  เป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับที่มาของแหล่งเงินทุนของคนไทยรายดังกล่าว ขอเตือนคนไทย ขออย่าได้มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ เป็นความผิดที่มีอัตราโทษค่อนข้างสูง กรมฯ จะดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกราย”นายทศพล กล่าว

สำหรับการตรวจสอบกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้บูรณาการการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานอื่น ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ และตำรวจท่องเที่ยว ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี)  จะประสานข้อมูลระหว่างกันเพื่อเตรียมการลงพื้นที่ตรวจสอบในแต่ละครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight