Lifestyle

กรมอนามัยหนุน คุมกำเนิด ป้องกันปัญหาวัยรุ่น ‘ท้องไม่พร้อม’ ปรึกษา 1663

กรมอนามัย เดินหน้า ลดปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมในกลุ่มวัยรุ่น ต่อเนื่อง รณรงค์การคุมกำเนิดทั้งแบบชั่วคราว และแบบกึ่งถาวร ต้องการคำปรึกษาโทร 1663

หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานทำให้แท้ง โดยมีสาระสำคัญคือ ให้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ สามารถทำแท้งได้ จากเดิมที่ห้ามหญิงตั้งครรภ์ทำแท้งโดยเด็ดขาด

ท้อง

สำหรับ การกำหนดอายุครรภ์ดังกล่าวเป็นไปตามความเห็นของแพทยสภาและราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในอีกด้านหนึ่งกรมอนามัยยังคงรณรงค์ ให้วัยรุ่นใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว ได้แก่ ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย และการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร คือการฝังยาคุมกำเนิดและใส่ห่วงอนามัย เพื่อป้องกันปัญหาการท้องไม่พร้อมอย่างปลอดภัยและยาวนาน

ที่ผ่านมา กรมอนามัยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานแก้ปัญหาเรื่องท้องไม่พร้อมมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับโครงการพัฒนาเครือข่ายบริการที่ปลอดภัยร่วมกันใช้แนวทางหลักในการรณรงค์เดียวกันกับนานาชาติคือ “การยุติการตั้งครรภ์คือบริการสุขภาพ” (Abortion is health care)

ทั้งนี้ มีเป้าหมายในการพัฒนาเครือข่ายบริการ ทั้งตั้งครรภ์ต่อ และยุติการตั้งครรภ์ ให้มีความเข้มแข็ง เข้าถึงได้ ปลอดภัยและเป็นมิตร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสิทธิของหญิงท้องไม่พร้อม ดำเนินการร่วมกันภายใต้ 4 ข้อคือ

ท้อง1

1. พัฒนาความเข้มแข็งและเครือข่ายหน่วยบริการที่ดูแลช่วยเหลือวัยรุ่นและผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ต่อ

2. ขยายบริการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ที่ปลอดภัยอย่างทั่วถึงด้วยการพัฒนาศักยภาพและความเข้มแข็งของเครือข่าย R-SA

3. สร้างความเข้าใจสาธารณะต่อสิทธิในทางเลือกของวัยรุ่นและผู้หญิง ที่ท้องไม่พร้อมโดยใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์ การรณรงค์และเวทีเสวนาต่าง ๆ

4. จัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management) เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและผลักดันข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และให้หญิงท้องไม่พร้อมเข้าถึงการ ยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย

นอกจากนี้ ที่ผ่านมากรมอนามัยได้ดำเนินงานร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้บริการ ยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัยในวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่อยู่ในภาวะหลังคลอดหรือแท้ง หรือต้องการคุมกำเนิดในทุกสิทธิสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (30 บาทรักษาทุกโรค) สิทธิประกันสังคม หรือสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ผู้ที่ต้องการใช้บริการดังกล่าว สามารถเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลภาครัฐ และเอกชนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่ง ในการช่วยลดปัญหาแม่วัยรุ่น และป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำ ในครั้งที่ 2 และลดการทำแท้ง จากการตั้งครรภ์ไม่พร้อม

กรณีวัยรุ่นบางรายที่ท้องไม่พร้อม และยังหาทางออกกับปัญหาไม่ได้ สามารถโทรไปปรึกษาเครือข่ายอาสาส่งต่อเพื่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย สายด่วน 1663 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. ได้ทุกวัน เพื่อรับบริการปรึกษาทางเลือกและส่งต่อดูแล ไม่ว่าทางเลือกจะเป็นการตั้งครรภ์ต่อหรือยุติการตั้งครรภ์ รวมทั้งการให้บริการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ ยังผลักดันให้เกิดเครือข่ายการให้บริการ และส่งต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย (RSA) ซึ่งปัจจุบันเครือข่าย RSA มีแพทย์อาสา จำนวน 157 คน สหวิชาชีพอาสา RSA จำนวน 614 คน มีหน่วยบริการที่ให้บริการยุติการตั้งครรภ์ด้วยยาทั้งหมด จำนวน 135 แห่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo