Business

วิเคราะห์หุ้นแบงก์ หลังจ่ายปันผลปี 2563

วิเคราะห์หุ้นแบงก์ หลังไฟเขียวจ่ายปันผลปี 2563 ได้แล้ว พร้อม เปิดอัตราการจ่ายปันผลของหุ้นแบงก์ แต่ละราย 

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่าย “เงินปันผลระหว่างกาล” และ “งดซื้อหุ้นคืน” ในปี 2563 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่มีความไม่แน่นอนสูงในอนาคต ดังนั้น จึงมีความจำเป็นให้ธนาคารต่างๆ รักษาระดับเงินกองทุนไว้ให้แข็งแกร่ง

ทำให้ช่วงที่ผ่านมา หลายคนเกิดคำถามคาใจว่าแล้วธนาคารพาณิชย์จะยังสามารถจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบประจำปี 2563 ได้หรือไม่ ? 

ล่าสุดมีความชัดเจนในเรื่องนี้แล้ว โดย ธปท. ไฟเขียวอนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง สามารถจ่ายเงินปันผลได้สำหรับรอบผลประกอบการปี 2563 แต่มี 2 เงื่อนไข ดังนี้

1. อัตราจ่ายเงินปันผลต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิของปี 2563

2. อัตราจ่ายเงินปันผลในปี 2563 ห้ามเกินกว่าอัตราจ่ายเงินปันผลในปี 2562 

ธปท. ให้เหตุผลว่าเนื่องจากได้ประเมินผล Stress Test ของธนาคารพาณิชย์ในช่วงปี 2563-2565 พบว่า มีเงินกองทุนและเงินสำรองเพียงพอในการรองรับสถานการณ์ที่เลวร้ายจากการระบาดของโควิด-19 โดยธนาคารพาณิชย์มีอัตราการกันเงินสำรองถึง 1.5 เท่า ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ 19.8%  

 อย่างไรก็ตาม สำหรับการจ่ายเงินปันผลในปีถัดๆ ไปนั้น จะต้องดูแลและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยจะพิจารณาในภาพรวมเป็นช่วงๆ โดยเฉพาะระดับเงินกองทุนของสถาบันการเงินในการรองรับสถานการณ์ในระยะข้างหน้า

cover ปันผล หุ้นแบงก์

หุ้นแบงก์ ปรับขึ้นยกแผง!

ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นข่าวดี และปัจจัยบวกให้กับหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งกระดาน มีเพียงหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เท่านั้นที่ราคาปรับลดลง โดยดัชนีกลุ่มธนาคาร (BANK) เพิ่มขึ้น 4.73% หรือ 7.90 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 16,948 ล้านบาท และดันให้ SET Index ขึ้นตามไปด้วยที่ 0.76% สู่ระดับ 1,346.47 จุด

สำหรับหุ้นธนาคารพาณิชย์ย์ที่ปรับขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ปรับเพิ่มขึ้น 4.82% มาอยู่ที่ 43.50 บาท, 2.) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับเพิ่มขึ้น 4.43% มาอยู่ที่ 94.25 บาท, 3.) ธนาคารทหารไทย (ฺTMB) เพิ่มขึ้น 4.08% มาอยู่ที่ 1.02 บาท 

ไฟเขียวปันผล 50% ของกำไร กระทบหุ้นแบงก์แค่ไหน

บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า มองประเด็นดังนี้เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มแบงก์ เพราะปกติกลุ่มแบงก์เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ซึ่งการปลดล็อกให้จ่ายปันผลประจำปีได้แบบนี้ จะช่วยให้ตลาดกลับมามั่นใจในสภาพคล่องของกลุ่มแบงก์มากขึ้น 

ประกอบกับผลดำเนินงานของกลุ่มที่อ่อนตัวในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ทำให้หุ้นแบงก์ Underperform ดัชนี SET อยู่มาก และด้วยราคาหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวลงมาแรง ทำให้กลุ่มแบงก์มี dividend yield ในระดับที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งทางหยวนต้าเลือกหุ้น KKP, SCB และ TISCO เป็นท็อปพิกของกลุ่ม

ขณะที่ บล. ไทยพาณิชย์ ประเมินว่าปัจจัยดังกล่าวจะเพิ่มความน่าสนใจให้หุ้นกลุ่มแบงก์ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตาม อาทิ แนวโน้มผลประกอบกา, อัตราหนี้เสีย, แนวโน้มการให้สินเชื่อ และความสามารถติดตามหนี้จากลูกค้า SMEs 

เปิดอัตราการจ่ายปันผลของหุ้นแบงก์ 

ในเมื่อเงื่อนไขการจ่ายปันผลในรอบนี้ คือ ต้องไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิและอัตราจ่ายเงินปันผลในปี 2562 ดังนั้น ลองมาย้อนดูว่าในอดีตหุ้นแบงก์มีการจ่ายเงินปันผลเท่าไหร่บ้าง ด้วยการสำรวจ

อัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) ซึ่งเป็นค่าที่บอกนักลงทุนว่าบริษัทจ่ายปันผลเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของกำไรต่อหุ้นในแต่ละปี  

ปันผลหุ้นแบงก์
สุดท้ายแล้วจะเห็นว่าเอาจริงๆ แล้วประเด็นนี้ มองได้แง่สองมุม จะมองเป็นข่าวดี หรือจะมองเป็นปัจจัยลบก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับรายละเอียดว่าเรากำลังพูดถึงและให้น้ำหนักกับหุ้นแบงก์ตัวไหนมากกว่ากันนั่นเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo