World News

‘อองซาน ซูจี’ คว้าชัยชนะถล่มทลาย เลือกตั้ง ‘เมียนมา’

อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา และพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรคเอ็นแอลดี กวาดชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน

คณะกรรมการการเลือกตั้งของเมียนมา ประกาศว่า พรรคเอ็นแอลดีคือผู้กวาดที่นั่ง 396 ที่นั่งจากทั้งหมด 498 ที่นั่งในรัฐสภาเมียนมา ซึ่งมากกว่าจำนวนที่นั่งที่พรรคเอ็นแอลดีได้เมื่อการเลือกตั้ง 5 ปีที่แล้ว 9 ที่นั่ง และทำให้พรรค ที่มีนางซูจีเป็นหัวหน้าพรรคนี้ สามารถครองเสียงส่วนใหญ่ และจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องจำเป็นต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล

shutterstock 336959141

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ชัยชนะอย่างถล่มทลายครั้งนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเชื่อมั่นที่ประชาชนเมียนมา มีต่อการบริหารประเทศภายใต้การนำของนางซูจีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

ศูนย์ติดตามการเลือกตั้ง Carter Center ในสหรัฐ ระบุว่า การเลือกตั้งในเมียนมาครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างขาวสะอาด แต่ก็มีการเลือกตั้งในบางพื้นที่ ที่ต้องถูกยกเลิกเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยของประชาชน สืบเนื่องจากการต่อสู้ระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่ยังดำเนินต่อไป ครอบคลุมจำนวนที่นั่งในรัฐสภา 22 ที่นั่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ ที่พรรคของชนกลุ่มน้อยทำได้ดี

นอกจากนี้ มีรายงานว่าชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายแสนคนถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐบาลไม่ยอมรับว่า พวกเขาเป็นพลเมืองเมียนมา แม้ว่าส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมียนมา มานานหลายชั่วอายุคน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ไมค์ ปอมเปโอ แสดงความกังวล ต่อการยกเลิกการเลือกตั้งในบางพื้นที่ และการตัดสิทธิ์ชาวโรฮิงญา รวมทั้งการกันที่นั่งส่วนหนึ่งไว้ให้กับทหาร แต่ก็ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในเมียนมา

ที่ผ่านมามีการคาดหมายว่าพรรคเอ็นแอลดี จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างไม่ยากเย็นนัก ด้วยความนิยมของประชาชนที่มีต่อนางซูจี ซึ่งขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาลเมียนมาภายใต้ชื่อตำแหน่ง “ที่ปรึกษาแห่งรัฐ” มาตั้งแต่ปี 2558

ผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของซูจี มีทั้งในด้านบวกและลบปะปนกัน กล่าวคือ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไม่สูงอย่างที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ความขัดแย้งกับชนกลุ่มน้อยยังคงดำเนินต่อไป

นอกจากนี้นางซูจียังถูกวิจารณ์จากนานาชาติ ถึงความล้มเหลวในการปกป้องสิทธิมนุษยชน ของชาวโรงฮิงญา ในรัฐยะไข่ สืบเนื่องจากการปราบปรามครั้งใหญ่ที่นำไปสู่การอพยพย้ายถิ่นฐานของชาวโรฮีนจาหลายแสนคนเมื่อปี 2560

ถึงกระนั้น ดูเหมือนประเด็นดังกล่าวมิได้ทำให้ความนิยมในตัวนางซูจีในหมู่ประชาชนชาวเมียนมา ลดน้อยลงแต่อย่างใด เมื่อเธอแสดงบทบาทผู้นำอย่างแข็งขันในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ที่มา : VOA

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo