“สุรเกียรติ์” ชี้ ชาติลุ่มน้ำโขงเชื่อมโยงสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน แนะเอกชนทุกฝ่าย มองศักยภาพกัมพูชา ลาว จีน และไทยที่จะร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจให้รุดหน้าโดยมีเอกชนเป็นหุ้นส่วนสำคัญ
เมื่อวันที่ 26 และ 28 กันยายนที่ผ่านมา ศ.ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะกรรมการการประชุมโป๋อ่าวเพื่อเอเชีย ได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมโป๋อ่าว พนมเปญ ที่กัมพูชา และการประชุมโบอ่าว เวียงจันทน์ลาว ที่ลาว และได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมทั้งสองประเทศ
ศ.สุรเกียรติ์ ได้เน้นถึงความสำคัญของกัมพูชา ที่มีเศรษฐกิจเติบโตสูงกว่า 6% ติดต่อกันมาเป็นสิบปี มีความเชื่อมโยงกับจีนภายใต้นโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทางของจีน และเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิด กับเศรษฐกิจไทย
ส่วนลาวก็มีความขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่า 7 และประสบความสำเร็จในยุทธศาสตร์การเปลี่ยนจากประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดทะเล เป็นประเทศที่เป็นจุดเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ เช่น การเขื่อมโยงกับไทยและเวียดนามด้วยสะพานและถนนสายต่างๆโดยเฉพาะทางรถไฟที่เชื่อมจีนมายังชายแดนไทย
ไทยเองก็กำลังสร้างทางรถไฟผ่านภาคอีสาน ไปเชื่อมกับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ซึ่งในอนาคตก็จะเชื่อมกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ทำให้ความฝันในการเชื่อมจีนกับผืนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นความจริง
นอกจากนี้นโยบายการเป็นแบตเตอรี่ของเอเชีย ในการผลิตไฟฟ้าขายให้ประเทศเพื่อนบ้านต่างๆยังเป็นการช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงอีกด้วยโดยมีธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย(Asian Infrastructure Investment Bank หรือAIIB)มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสนัยสนุนการเงินต่างๆ
ดังนั้นเอกชนทุกฝ่ายจึงควรเเห็นศักยภาพของกัมพูชา ลาว จีน และไทยที่จะร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจให้รุดหน้าโดยมีเอกชนเป็นหุ้นส่วนสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่กรุงพนมเปญ ศ.ดร. สุรเกียรติ์ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายฮอ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และที่ ลาวได้เยี่ยมคารวะนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีลาวด้วย