ธ.ก.ส. พร้อมโอนเงินประกันรายได้ “โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีที่ 2” เข้าบัญชีชาวนา เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านการตอบคำถามกระทู้สด โดยนายจุรินทร์ ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินโครงการปีที่ 2 และมาตรการเสริมช่วยเหลือชาวนานั้น
ล่าสุด นายจุรินทร์ให้กรมการค้าภายในติดตามประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และตรวจสอบกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส.ซึ่งเป็นปลายทางการจ่ายเงินผ่านบัญชีให้เกษตรกรโดยตรงอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจะได้รับ ซึ่งนายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธ.ก.ส.แจ้งความพร้อมทางบัญชีว่าวันพรุ่งนี้ (16 พ.ย.) จะเป็นวันเริ่มต้นจ่ายเงินเข้าบัญชีชาวนา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่อนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ออกประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลาง อ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เรื่องหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการ ดำเนิน โครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ทำให้การจ่ายเงินงวดแรกวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ จะช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวแต่ละชนิดรับเงินส่วนต่าง
- ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 26,674 บาท
- ข้าวเหนียว ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 33,349 บาท
- ข้าวเปลือกเจ้า ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 36,670 บาท
- ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 34,199 บาท
- ข้าวหอมมะลิ ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 40,756 บาท
ทั้งนี้ เนื่องจากข้าวเปลือกหอมมะลิ ประกันรายได้ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 2,911 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ประกันรายได้ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 2,137 บาท
ข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 1,222 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ประกันรายได้ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน ได้ส่วนต่างตันละ 1,066 บาท ข้าวเหนียวประกันรายได้ตันละ 12,000 บาท ได้ส่วนต่างตันละ 2,084 บาท
ชาวนาจะได้ส่วนต่างจำนวนเท่าใด ขึ้นอยู่กับปริมาณการแจ้งปลูกไว้ตอนขึ้นทะเบียน และการจ่ายก็ไม่เกินจำนวนตัน ที่รัฐระบุไว้ อีกทั้งยังมีเงินค่าพัฒนาคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 20 ไร่ จะได้รับครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 งวด งวดที่ 1 ได้รับ 500 บาท งวดต่อไป 500 บาท
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ข่าวดี! กาแฟดอยตุง ขึ้นทะเบียน GI ในกัมพูชา สินค้าเกษตรไทยจ่อคิวอีกเพียบ
- ‘จุรินทร์’ มอบหนังสือรับรอง – อนุญาต ใช้ตรา GI ของดีพังงา ‘ข้าวไร่ดอกข่า – ทุเรียนสาลิกา’
- ‘วีรศักดิ์’ เฟ้นหา GI ตัวใหม่ ยกโมเดล ‘ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง’ ต้นแบบ ลุยต่างประเทศ
