Politics

ประชาธิปัตย์ เปิดกว้าง ส.ส. ประชุมแก้รัฐธรรมนูญพรุ่งนี้

พรรคประชาธิปัตย์ นัดส.ส.ประชุมถกแก้ไขรัฐธรรมนูญพรุ่งนี้ ย้ำรับร่างเสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล ที่ส.ส.ประชาธิปัตย์ ร่วมลงชื่อ และร่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีหลักการใกล้เคียงกัน ส่วนร่าง”ไอลอว์”คงต้องรอฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ก่อน 
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ว่า ได้เชิญส.ส. ของพรรคประชุมในวันพรุ่งนี้ (16พ.ย.) เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่าง ที่จะมีการพิจารณากันในวันอังคารที่ 17 และวันพุธที่ 18 พฤศจิกายนนี้
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่างนี้ รัฐสภาได้มีการอภิปรายไปแล้ว 6 ร่าง  จะไม่มีการอภิปรายอีก ส่วนร่างที่เสนอเข้ามาใหม่คือร่างที่ประชาชนลงชื่อเสนอให้รัฐสภาพิจารณา ที่เรียกว่าร่างไอลอว์ จะมีการอภิปรายแสดงความคิดเห็น หลังจากนั้นก็จะมีการลงมติว่าจะรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดบ้าง
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะเปิดโอกาสให้ ส.ส. แสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง เพื่อพิจารณาให้รอบด้านมากที่สุด ส่วนการลงมติว่าจะรับร่างใดบ้างนั้น ที่ประชุม ส.ส. ได้เคยประชุมและมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จะรับร่างที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล ที่ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงชื่อด้วย และร่างที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มีหลักการใกล้เคียงกัน สำหรับร่างของไอลอว์คงต้องรอฟังความคิดเห็นของ ส.ส. ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร
องอาจ11
ส่วนกรณีที่มีความวิตกกังวลว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะมีการลงมติไม่ให้ผ่านทั้งหมดนั้น ขณะนี้คงบอกไม่ได้ คงต้องรอจนถึงเวลาลงมติ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว รัฐสภากำลังจะลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ดีๆ ก็มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาก่อนรับหลักการ พอมาถึงวันนี้กำลังนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกันต่อ ก็มี ส.ว. รวมกับ ส.ส.รัฐบาลส่วนหนึ่งเข้าชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่างของรัฐบาลฝ่ายค้านและไอลอว์จะทำได้หรือไม่

เพราะฉะนั้นการประชุมรัฐสภาวันที่ 17-18 พฤศจิกายนนี้ จึงไม่มีใครให้หลักประกันได้ว่า จะมีการลงมติหรือไม่ และผลจะออกมาอย่างไร เพราะอาจมี “อภินิหารทางการเมือง”  ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

แต่ถ้าไม่มีอภินิหารอะไร อย่างน้อยที่สุดร่างของรัฐบาลและฝ่ายค้านน่าจะผ่านไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะมีเสียง ส.ว. ประมาณ 84 เสียงลงมติให้ผ่านหรือไม่ ตามเงื่อนไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องมีเสียง ส.ว. เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
การแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งยังแผ่กระจายไปเกือบทุกหย่อมหญ้าจึงถือเป็นวาระสำคัญของบ้านเมือง ที่ทุกฝ่ายต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบก่อนตัดสินใจที่จะดำเนินการอะไร เพราะถ้าวางแผนพลาด หรือตัดสินใจผิด ก็อาจทำให้ประเทศติดหล่มจมปลักอยู่กับความขัดแย้งจนยากจะเยียวยา โดยเฉพาะสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ต้องถือว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สามารถช่วยกันใช้เวทีรัฐสภาหาทางออกให้ประเทศได้ จึงขึ้นอยู่กับสมาชิกทุกคนว่าจะช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ หรือจะสร้างทางตันให้ประเทศ
ฝากทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องโดยร่วมกันคล้องแขนนำพาประเทศไทยเดินหน้าต่อไปให้ได้ เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต
อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight