หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้ย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่แน่นแฟ้นและมั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมกล่าวว่าอาเซียนได้กลายมาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน ขณะร่วมการประชุมผู้นำจีน-อาเซียนครั้งที่ 23 ซึ่งจัดขึ้นช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีผ่านวิดีโอลิงก์
เขากล่าวว่าเมื่อต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างไม่คาดคิดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จีนและอาเซียนได้ร่วมมือกันต่อสู้กับไวรัส ยกระดับความร่วมมือ และแบ่งปันประสบการณ์ในการควบคุมการแพร่ระบาด
หลี่กล่าวว่าจีนและอาเซียนเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เปิด “ทางด่วน” และ “ช่องทางสีเขียว” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การเคลื่อนที่ของผู้คนและสินค้า และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมเสริมว่าแม้ต้องเจอกับการค้าโลกที่หดตัวลง เศรษฐกิจถดถอย และการเดินทางที่หยุดชะงักอย่างรุนแรง
แต่การค้าสองทางระหว่างจีน-อาเซียนยังคงเพิ่มขึ้นช่วงสามไตรมาสแรก อีกทั้งการลงทุนของจีนในกลุ่มประเทศอาเซียนยังเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบปีต่อปี
หลี่เน้นย้ำว่าการทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานของจีนและอาเซียนเป็นปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังแรงผลักดันที่แข็งแกร่งของความร่วมมือจีน-อาเซียน และบทบาทสำคัญของความร่วมมือจีน-อาเซียน ในการสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค
ทั้งสองฝ่ายได้เดินตามเส้นทางแห่งความสมัครสมานและการพัฒนามาโดยตลอด ด้วยการรักษาความเป็นเพื่อนบ้านและมิตรภาพอันดี หลี่กล่าวพร้อมเสริมว่าในโมงยามแห่งความทุกข์ยาก ตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินสองครั้งจนถึงภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เช่นสึนามิและโรคซาร์ส รวมถึงการจู่โจมอย่างกะทันหันของโรคโควิด-19 ทั้งสองฝ่ายต่างยืนหยัดเคียงข้างและดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันมาโดยตลอด
นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่าความร่วมมือจีน-อาเซียนนั้นมีลักษณะเปิดกว้างและไม่แบ่งแยกและส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
ทั้งสองฝ่ายเล็งเห็นว่าการพัฒนาของอีกฝ่ายคือโอกาสอันสำคัญ จึงได้ประสานแผนพัฒนาและเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน พร้อมทั้งสนับสนุนระบบพหุภาคีและการค้าเสรี หลี่กล่าวเสริมว่าความพยายามร่วมกันเหล่านี้ไม่เพียงเอื้อต่อการพัฒนาของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งแก่การพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่นคงของภูมิภาคและพื้นที่อื่นๆ ด้วย
สุดท้ายนี้ หลี่ชี้ว่าสันติภาพและเสถียรภาพเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการพัฒนาและความมั่งคั่ง โดยกล่าวว่า “จีนและอาเซียนเชื่อว่านานาประเทศควรเคารพซึ่งกันและกัน แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง แก้ปัญหาความแตกต่างและยุติข้อพิพาทผ่านการปรึกษาหารืออย่างเป็นมิตร ซึ่งพันธสัญญาร่วมกันเช่นนี้นั่นเองที่ส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมแห่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ที่มา : สำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
‘อาเซียน’ ซาบซึ้ง ‘จีน’ กระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
พรรคคอมมิวนิสต์จีนดันพัฒนาอุตฯ วัฒนธรรม ขยายอำนาจ ‘Soft Power’
‘รถไฟไทย-จีน’ ลงนามสัญญา 2.3 งานวางระบบและจัดหาขบวนรถ 5 หมื่นล้าน