กาแฟดอยตุง ขึ้นทะเบียน GI ที่กัมพูชาสำเร็จ เพิ่มมูลค่า โอกาสส่งออกกาแฟไทย เผยมีสินค้าแบรนด์ไทย สินค้าเกษตร จ่อคิวขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศอีกเพียบ
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญา ประเทศกัมพูชา ได้ประกาศรับขึ้นทะเบียน สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แบรนด์ กาแฟดอยตุง ในกัมพูชาแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ และโอกาสของสินค้าเกษตร แบรนด์ไทย ในการเพิ่มมูลค่า และ ขยายตลาดส่งออกในอนาคต
ทั้งนี้ การได้รับจดทะเบียน GI ครั้งนี้ คาดจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกาแฟไทย และช่วยในการขยายตลาดไปยังกัมพูชาได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้บริโภคในกัมพูชา ที่จะได้ดื่มกาแฟดี มีคุณภาพ อย่างกาแฟดอยตุง
นอกจากนี้ กาแฟดอยตุง ยังอยูา่ระหว่างการ รอการพิจารณา ขึ้นทะเบียน GI ที่ประเทศญี่ปุ่น อีกด้วย ซึ่งหากขึ้นทะเบียน GI ในญี่ปุ่นสำเร็จ จะช่วยเพิ่มโอกาส ในการขยายตลาดส่งออกที่สำคัญ อีกแห่งหนึ่ง ในอนาคต
สำหรับกาแฟดอยตุง เป็นกาแฟสายพันธุ์อาราบิกาลูกผสม ปลูกในพื้นที่ป่าโครงการพัฒนาดอยตุง บนเทือกเขานางนอน จังหวัดเชียงราย ที่ระดับความสูง 800 ถึง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล
จากปัจจัยทำเลการเพาะปลูกดังกล่าว ทำให้กาแฟดอยตุง มีรสชาติกลมกล่อม เป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นหอมหวานจากผลไม้ มีรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ไม่เปรี้ยวจัด มีเนื้อสัมผัสและรสชาติกำลังดี จึงเป็นที่ชื่นชอบ ของนักดื่มกาแฟ และมีผู้สนใจ สั่งซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟดอยตุง เพื่อนำไปต่อยอดเชิงธุรกิจ ทั้งใน และต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน กาแฟดอยตุงยังเป็นต้นแบบ ของธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ที่ให้ความสำคัญกับ สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับ ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน อีกทั้งให้ความสำคัญ กับการควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้า GI ผ่านการขออนุญาตใช้ตรา GI กับ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้คงไว้ซึ่งรสชาติ ที่มีอัตลักษณ์ ของกาแฟดอยตุง
ปัจจุบัน มีสินค้าไทยที่ ขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศแล้ว 7 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้, กาแฟดอยตุง, กาแฟดอยช้าง, ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ที่สหภาพยุโรป (อียู), ผ้าไหมยกดอกลำพูน ที่อินเดียและอินโดนีเซีย, เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ที่เวียดนาม และล่าสุด กาแฟดอยตุง ที่กัมพูชา
พร้อมกันนี้ ยังมีสินค้าเกษตรไทย ที่รอการขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศอีกมาก เช่น กาแฟดอยช้าง, สับปะรดห้วยมุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่น, ข้าวหอมมะลิ ทุ่งกุลาร้องไห้, มะขามหวานเพชรบูรณ์ และ ส้มโอทับทิมสยาม ปากพนัง ที่ประเทศจีน, มะขามหวานเพชรบูรณ์ และ ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง ที่ประเทศเวียดนาม เป็นต้น
ส่วนสินค้าที่อยู่ระหว่างการผลักดันให้ ขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศ ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม ราชบุรี และ ทุเรียน ปราจีนบุรี ที่ประเทศจีน, ส้มโอทับทิมสยาม ปากพนัง, ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ และ ข้าวสังข์หยด เมืองพัทลุง ที่ประเทศมาเลเซีย
“สินค้าเหล่านี้ เริ่มเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งจีนและมาเลเซีย ที่เดินทางเข้ามาในไทย และได้ทดลองบริโภคสินค้า จึงต้องรีบไป ขึ้นทะเบียน GI เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าไทย ได้รับผลกระทบ จากการที่จะเข้าไปทำตลาดในอนาคต รวมถึงป้องกันการละเมิด ที่อาจจะเกิดขึ้น”นายวีรศักดิ์ กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘พาณิชย์’ ตีทะเบียนสินค้า GI ใหม่ 2 รายการ ‘กล้วยตากสังคม – ทุเรียนชะนีเกาะช้าง’
- ‘จุรินทร์’ มอบหนังสือรับรอง – อนุญาต ใช้ตรา GI ของดีพังงา ‘ข้าวไร่ดอกข่า – ทุเรียนสาลิกา’
- ‘วีรศักดิ์’ เฟ้นหา GI ตัวใหม่ ยกโมเดล ‘ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง’ ต้นแบบ ลุยต่างประเทศ
