Politics

พลังประชารัฐดึง 57 คนต่างสาขาอาชีพช่วยงาน ยันพร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง

พรรคพลังประชารัฐ ยันพร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งทำงานกับทุกกลุ่ม เสนอ “อุตตม” เป็นนายกรัฐมนตรีสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเป็นเรื่องอนาคต ยันแยกงานตำแหน่งรัฐมนตรีกับงานพรรค พร้อมลาออกเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ประกาศไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐในฐานะรัฐมนตรีเอาเปรียบพรรคอื่น   

อุตตม สาวนายน พลังประชารัฐ
อุตตม สาวนายน

นายอุตตม สาวนายน ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวว่าพรรคพลังประชารัฐเกิดจากการรวมพลังคนไทยทุกกลุ่มหลากหลายสาขาอาชีพมาทำงานด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน  ไม่ฉาบฉวย นำประโยชน์มาสู่คนไทยทุกภาคส่วน และจะทำงานการเมืองแบบใหม่ที่ปราศจากความขัดแย้ง สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วม

พรรคประชารัฐจึงไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง ไม่มีใครมาชี้นำได้ แต่เป็นเจ้าของรวมกัน และยืนยันว่าเป็นพรรคที่ไม่ได้มาทำงานเฉพาะกิจ แต่มาทำงานให้กับประเทศอย่างถาวร

“ถึงเวลาที่ประเทศต้องปรับเปลี่ยน เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งที่เกิดมานับทศวรรษ ที่ทำให้สูญเสียเวลาและโอกาสของประเทศมานาน มั่นใจได้ว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นหนึ่งเดียว และอยู่บนเวทีโลกอย่างเข้มแข็ง วันนี้เราพร้อมเสนอโอกาสในการทำงาน และพร้อมหยิบยื่นโอกาสให้ทุกคนมาทำงานด้วยกัน  เพื่อขับเคลื่อนพรรคให้เป็นทางออกของประเทศไทย และจุดแข็งของพรรคก็คือการมีผู้ที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่มาทำงานด้วยกัน”

พลังประชารัฐ

ทุกสาขาอาชีพร่วมทำงานกว่า 57 คน

หลังจากนี้จะระดมสมองเป็นเวทีทางวิชาการของพรรค มีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูลดูแลเป็นพิเศษ โดยมีนักวิชาการ และนักธุรกิจเข้ามาร่วมอุดมการณ์กว่า 57 คน เช่นนายกสมาพันธ์เอสเอ็มอี กลุ่มสตาร์ทอัพ  นักการตลาดออนไลน์มืออาชีพ นักวิชาการจากสถาบันการศึกษา และยังมีคนรุ่นใหม่อย่างนายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ บุตรชายของนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์มาร่วมงานด้วย รวมถึงนายกสมาคมคนตาบอด  จะเห็นได้ว่าพรรคจริงจังกับการทำงานกับทุกภาคส่วน

สำหรับกรรมการบริหารพรรคที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ที่มีถึง 4 คน ยืนยันว่าจะทำงานในฐานะรัฐมนตรีในรัฐบาลต่อไปจนถึงเวลาที่เหมาะสม จะซื่อสัตย์ และประพฤติตนในกรอบ จะไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอาเปรียบใคร ไม่เอาเวลา และทรัพยากรของรัฐมาใช้ประโยชน์เอาเปรียบคนอื่น รวมถึงจะไม่ใช่อำนาจข่มเหงใคร และพร้อมถูกตรวจสอบ

“สำหรับการลงพื้นที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เรายึดมั่นในสิ่งที่ปฏิบัติว่าทำถูกต้อง โดยประชาชนจะตัดสินเราเอง และเมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะใส่หมวกใบเดียวกัน คือ หมวกของพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน”

aaa 2

นายอุตตม กล่าวต่อว่าขณะนี้พรรคกำลังวางนโยบาย ซึ่งต้องรอติดตามต่อไป ส่วนจะดึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมงานทางการเมืองหรือไม่นั้น เรื่องนี้ถือว่านายสมคิด เป็นผู้ใหญ่ที่รู้จัก แต่การตัดสินใจของพรรค  นายสมคิดไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง

“ท่านเป็นที่ปรึกษาทางใจ ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เราก็ได้ไปบอกท่าน ท่านบอกเพียงแค่ ขอให้โชคดี เท่านั้น”

เขา บอกถึงการจับมือกับพรรคอื่นๆว่า เร็วเกินไปที่จะบอกได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจจะร่วมมือกับพรรคไหน ถือเป็นเรื่องในอนาคต และยังบอกไม่ได้ว่าจะมีใครมาร่วมงานกับเราเพิ่มเติมหรือไม่

“การตัดสินใจทางการเมืองในวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ตัดสินใจแล้ว และภูมิใจที่สุดในชีวิต ที่ได้อาสามาทำงานการเมืองเต็มตัวเป็นครั้งแรก เพราะตนเองไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ทำงานในแวดวงวิชาการและธุรกิจมาตลอดชีวิต แต่ก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้ร่วมก่อตั้งพรรคให้นั่งในตำแหน่งหัวหน้าพรรคในครั้งนี้”

“สนธิรัตน์”ยันเลือกตั้งครั้งหน้าเสนอ “อุตตม”เป็นนายก

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่าที่เลขาธิการพรรค กล่าวว่า สนับสนุนนายอุตตม เป็นนายกรัฐมนตรีสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า  ส่วนการเสนอชื่อบุคคลอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมเป็นเรื่องในอนาคต สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชานั้น ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร จะนั่งในพรรคไหน และสนใจการเมืองในบทบาทใด นอกจากนี้พรรคจะเสนอรายชื่อลงสมัครเลือกตั้งครบทั้ง 350 เขตอย่างแน่นอน

สำหรับกรณีที่พรรคมีรัฐมนตรีถึง 4 คนร่วมงานด้วยกันนั้น เป็นการทำ 2 หน้าที่ ในฐานะรัฐมนตรีก็ทำงานด้านนโยบายรัฐ ขณะที่พรรคก็มีแนวนโยบายของพรรค

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

เขากล่าวถึงประเด็นที่ถูกมองว่าเป็นพรรคที่มารองรับการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่า จะเห็นได้ว่า กว่า 60 คนที่มาร่วมงานกับพรรค ไม่มีใครเกี่ยวข้อง ไม่ได้มาจากทหาร ทุกคนตั้งใจเป็นทางออกของประเทศ โดยก้าวข้ามความขัดแย้ง และขอให้ดูการทำงานของพรรคต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่าการเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการบริหารพรรค ได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกพรรค พร้อมประสานสื่อ โดยในระหว่างที่มีการแนะนำนายกอบศักดิ์บนเวที นายอุตตมได้เรียกชื่อพรรคผิดเป็น “พลังประชาชน”

Avatar photo