Economics

เปิดกลยุทธ์ลงทุนทองคำหลังราคาดิ่งหนัก! ‘YLG’ มองระยะยาวยังสดใส

กลยุทธ์ลงทุนทอง คำหลังราคาดิ่งหนัก! “YLG” ระวังทองผันผวนระยะสั้น มองระยะยาวคาดสดใสปัจจัยดอกเบี้ยต่ำยังอยู่ ชี้เป็นจังหวะสะสมเข้าพอร์ต

วายแอลจี ประเมินว่า ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น มีความผันผวนเพิ่มขึ้น หลังราคาทองคำตลาดโลกวานนี้ (9 พ.ย.) ดิ่งลงแรงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับสูงสุดในระหว่างวัน 1,965.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับต่ำสุดบริเวณ 1,849.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม มองว่า ภาพรวมระยะยาวปัจจัยบวก ยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้มีข่าววัคซีนโควิด -19 เพราะกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นต้องใช้เวลา อย่างน้อย 1 – 2 ปี ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลก คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำต่อเนื่อง หนุนให้ราคาทองคำยังไปต่อได้ในระยะยาว

ส่วนประเด็นธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มขายทองคำ ชี้มีเพียงบางประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจ แต่ประเทศขนาดใหญ่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

กลยุทธ์ลงทุนทอง

ขณะที่ราคาทองคำในไทย ต้องจับตาค่าเงินบาทที่แข็งค่า อาจส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศขยับขึ้นไม่มาก แนะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการตัดปัญหาค่าเงินบาทผันผวน เพิ่มทางเลือกลงทุนทองคำในตลาด TFEX ผ่านโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส เพื่อลงทุนซื้อขายทองคำล่วงหน้าในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนประเด็น “ไบเดน” รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ยังส่งผลดีต่อตลาดทองคำจากนโยบายแผนการใช้จ่ายจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะยาว กระตุ้นเงินไหลเข้าตลาดทองคำ

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า ราคาทองที่ปรับลดลงค่อนข้างมากถึงระดับประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) หลังจากที่มีข่าวความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 ในเชิงบวกนั้น

YLG แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนระยะสั้น แต่ยังเชื่อว่าการที่ราคาปรับตัวลงมา ยังคงเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนที่ต้องการสะสมทองคำเข้าพอร์ตการลงทุน ค่อยๆทยอยสะสมซื้อได้ ทั้งนี้ มองว่า แม้จะมีวัคซีนแต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี

ดังนั้น ธนาคารกลางทั่วโลก จึงมีแนวโน้ม คงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกอย่างน้อย 1 – 2 ปี ข้างหน้าหากเศรษฐกิจยังคงไม่แข็งแกร่ง ซึ่งตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ในระยะยาวทองคำ จึงยังคงเป็นทางเลือกที่ดี

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำ ก็ยังมีปัจจัยบวกจากประเด็นที่ “โจ ไบเดน” ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ โดยจะเห็นว่า ในช่วงที่ทราบผลการเลือกตั้ง ช่วงแรกทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแกว่งตัวไปในทิศทางขาขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่คาดว่า หากโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดทองคำ

“ถึงแม้ไบเดนจะมีมาตรการระหว่างประเทศที่ประนีประนอมมากขึ้น แต่เนื่องจากไบเดนมีนโยบายอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปริมาณมาก ก็ทำให้ดอลลาร์ มีทิศทางเป็นขาลงในระยะยาว ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำ ยังคงเป็นขาขึ้นได้ในระยะยาวเช่นกัน” นางสาวฐิภา กล่าว

ส่วนประเด็นที่ช่วงเดือน ตุลาคม ธนาคารกลางหลายประเทศ เริ่มเทขายทองคำที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศออกมานั้น ส่วนใหญ่ ประเทศที่เทขายออกมาจำนวนมาก เป็นประเทศที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น ตุรกี ที่มีปัญหาค่าเงินอ่อนค่า ส่วนธนาคารกลางของประเทศ ที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐ และจีน ไม่ได้มีการขายอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับ กลยุทธ์ลงทุนทอง ในสัปดาห์นี้ แนะนำเล่นตามกรอบ ซึ่งประเมินโซนแนวรับที่ 1,847 – 1,808 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 26,650 – 26,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะแนวต้านประเมินไว้ในโซน 1,921-1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 27,750 – 28,400 บาทต่อบาททองคำ (ราคาทองคำในประเทศคำนวณจากค่าเงินบาทที่ระดับ 30.48 บาท/ดอลลาร์)

อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ค่าเงินดอลลาร์ เริ่มมีทิศทางอ่อนค่า ขณะที่เงินบาทแข็งค่า ซึ่งจะมีผลกดดันราคาทองคำในประเทศ ทั้งนี้ นักลงทุน สามารถเลือกลงทุนทองคำในตลาด TFEX ผ่านการลงทุน โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้า ในรูปแบบดอลลาร์ ทำให้นักลงทุน ไม่ต้องมีความกังวล ด้านความเสี่ยง จากการผันผวนของค่าเงินบาท อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุน ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK