“โจ ไบเดน” ขานรับความคืบหน้า วัคซีนโควิด-19 ของ “ไฟเซอร์” แต่เตือนฤดูหนาวนี้ยังมืดมิด คนอเมริกันเสี่ยงดับเพิ่มอีก 2 แสน
วานนี้ (9 พ.ย. 63) โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ส่งสัญญาณเตือนอันน่าหวาดหวั่น ขณะสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐ ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
“เรายังคงเผชิญกับฤดูหนาวอันมืดมิด” ไบเดนกล่าวขณะอยู่ในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ของสหรัฐ ขณะจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐ ทะลุ 10 ล้านราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิต 237,000 ราย “ความท้าทายของเราในตอนนี้มีมากมายและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
ไบเดนกระตุ้นเตือนชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัย โดยชี้ว่า “เป้าหมายของการสวมหน้ากากไม่ใช่ทำให้ชีวิตคุณสะดวกสบายน้อยลงหรือพรากบางสิ่งไปจากคุณ มันคือการมอบบางอย่างกลับคืนสู่เราทุกคน และนั่นคือวิถีชีวิตอันเป็นปกติสุข”
คำกล่าวของไบเดนมีขึ้นหลัง ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ และ ไบโอเอ็นเทค (BioNTech) บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติเยอรมัน ประกาศผลการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งบ่งชี้ว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากฝีมือการพัฒนาของพวกเขามีประสิทธิภาพป้องกันโรคมากกว่า 90%
โจ ไบเดน เรียกความคืบหน้าครั้งนี้ว่าถือเป็น “ข่าวดี” พร้อมย้ำเตือนว่าแม้ วัคซีนโควิด-19 จะผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) แต่วัคซีน “จะยังไม่ถูกวางจำหน่ายสำหรับใช้งานในวงกว้างอีกหลายเดือนข้างหน้า”
การคาดการณ์บ่งชี้ว่าเราอาจสูญเสียผู้คนอีก 200,000 ชีวิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนที่ประชาชนทุกคนจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้
ทั้งนี้ ไบเดนประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ปี 2020 ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และกำลังเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อวานนี้ (9 พ.ย. 63) ต่อเนื่องถึงตลาหุ้นเอเชียช่วงเช้าวันนี้ (10 พ.ย. 63) อยู่ในขาขึ้น โดยตลาดหุ้นเกือบทั่วโลก ได้แรงหนุนจากการที่ยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ของสหรัฐและเยอรมนี Pfizer และ BioNTec แถลงว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ทั้ง 2 บริษัทร่วมกันพัฒนาขึ้นมานั้น มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
ไฟเซอร์ และ ไบโอเอ็นเทค ระบุว่า ผลการพัฒนาวัคซีนดังกล่าว ถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์และมนุษยชาติ
“ผมคิดว่าเราสามารถเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์” นพ.อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานบริษัทไฟเซอร์กล่าว
วัคซีนดังกล่าวถูกทดสอบในประชาชน 43,500 คน ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ เยอรมนี บราซิล อาร์เจนติดนา แอฟริกาใต้ และตุรกี โดยไม่พบการแจ้งเตือนเรื่องความปลอดภัยระหว่างการทดสอบ
ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 75% ขณะที่ นพ.แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เคยกล่าวว่า หากวัคซีนมีประสิทธิภาพ 50-60% ก็ถือว่ายอมรับได้
เมื่อไหร่ วัคซีนโควิด-19 จะพร้อมใช้?
สำนักงานข่าวบีบีซี (BBC) วิเคราะห์ว่า ปีนี้อาจจะมีประชาชนเพียงจำนวนหนึ่งที่สามารถเข้าถึงวัคซีน
Pfizer และ BioNTec กล่าวว่า พวกเขาจะมีข้อมูลด้านความปลอดภัยเพียงพอในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนนี้ เพื่อยื่นเรื่องจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ซึ่งหากวัคซีนยังไม่ได้รับการอนุมัติ ผู้ผลิตก็ไม่สามารถรณรงค์การฉีดวัคซีนได้
บริษัททั้ง 2 คาดว่า พวกเขาจะสามารถผลิต วัคซีนโควิด-19 จำนวน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 1,300 ล้านโดสในปีหน้า ซึ่งการฉีดจะต้องใช้วัคซีน 2 โดสต่อคน
ด้านสหราชอาณาจักรจะได้รับวัคซีนโควิด-19 จำนวน 10 ล้านโดสภายในสิ้นปี นอกจากนี้ยังได้สั่งซื้อเพิ่มไปอีก 30 ล้านโดส
ใครจะได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อน?
ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในทันที โดยแต่ละประเทศจะมีการตัดสินใจที่แตกต่างกันว่า ประชากรกลุ่มไหนควรได้รับวัคซีนในลำดับแรกๆ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือผู้ทำงานในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุน่าจะเป็นกลุ่มผู้ที่มีความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ เพราะผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้ต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากที่สุด
ทั้งนี้ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายในสหราชอาณาจักรยังไม่เกิดขึ้น โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนในประชาชนแต่ละกลุ่มอายุและการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ซึ่งไม่มีปัญหาด้านสุขภาพน่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายซึ่งได้รับวัคซีน
อ่าข่าวเพิ่มเติม
- ‘นพ.ยง’ เผยข่าวดี! วัคซีนโควิด-19 ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง
- ‘หมอยง’ ชี้ ‘RSV’ ยังระบาดหนักในเด็กเล็ก เตือน ‘ไม่มียารักษา-วัคซีน’ ต้องดูแลสุขอนามัย
- โควิดวันนี้ 10 พ.ย. ทั่วโลกติดเชื้อ 51.2 ล้าน ‘สหรัฐ’ ยังเจอผู้ป่วยใหม่เกินแสน 5 วันติด