Business

iPhone12 เปิดราคา เริ่มต้น 25,900 – 51,900 บาท เทียบสเปค 4 รุ่น เลือกเลย!

iPhone12 เปิดราคา เริ่มต้น 25,900 บาท สำหรับ Phone12 mini รุ่นความจุ 64GB และราคาสูงสุด iPhone12 Pro Max ที่ 51,900 บาท ความจุสูงสุด 512GB

หลังจาก แอปเปิล ประกาศวางจำหน่าย iPhone 12 ที่มาพร้อมกัน 4 รุ่นรวด ได้แก่ iPhone 12, 12 mini, 12 Pro และ 12 Pro Max โดย iPhone12 เปิดราคา พร้อมเตรียมวางจำหน่ายพร้อมกันวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ สร้างกระแสความสนใจให้กับสาวกแอปเปิลอย่างมาก โดยเฉพาะการมองหาสเปคที่ตรงกับการใช้งาน และราคาที่เหมาะกับเงินในกระเป๋า

iPhone12 เปิดราคา

ทั้งนี้ แอปเปิล ได้ประกาศราคา ไอโฟน 12 ทั้ง 4 รุ่นออกมาแล้ว โดยมีระดับราคาดังนี้

iPhone12

  • รุ่นความจุ 64GB ราคา 29,900 บาท
  • รุ่นความจุ 128GB ราคา 31,900 บาท
  • รุ่นความจุ 256GB ราคา 35,900 บาท

iPhone12 mini

  • รุ่นความจุ 64GB ราคา 25,900 บาท
  • รุ่นความจุ 128GB ราคา 27,900 บาท
  • รุ่นความจุ 256GB ราคา 31,900 บาท

iPhone12 Pro

  • รุ่นความจุ 128GB ราคา 36,900 บาท
  • รุ่นความจุ 256GB ราคา 40,900 บาท
  • รุ่นความจุ 512GB ราคา 48,900 บาท

iPhone12 Pro Max

  • รุ่นความจุ 128GB ราคา 39,900 บาท
  • รุ่นความจุ 256GB ราคา 43,900 บาท
  • รุ่นความจุ 512GB ราคา 51,900 บาท

10NOV เทียบหุ้นราคา iphone12

 

สำหรับคนที่รอคอยเตรียมช้อป เพราะอยากเปลี่ยนมือถือใหม่ เราได้เทียบสเปคทั้ง 4 รุ่น มาไว้ให้แล้ว

ไอโฟน12 หน้าจอ 6.1 นิ้ว และ ไอโฟน12 มินิ 5.4 นิ้ว

ไอโฟน12 มินิ ขนาดหน้าจอ 5.4 นิ้ว ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีขนาดเล็กที่สุด บางที่สุด และเบาที่สุดในโลก ภายในบรรจุเทคโนโลยีของ iPhone 12 ในดีไซน์ และขนาดกะทัดรัด พร้อมทั้งออกแบบให้มีพื้นที่หน้าจอเพิ่มมากขึ้น แบบขอบจรดขอบ ตัวเครื่องทำมาจากอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสหกรรมอวกาศ

นอกจากนี้ หน้าจอยังมีการป้องกันด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า Ceramic Shield มีความแข็งแกร่ง และทนทาน เหนือกระจกทั่วไป เพราะผสมผลึกนาโนเซรามิก ลงไปในแมทริกซ์ของกระจก ทนทานต่อการตกกระแทกกับพื้นได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า

หน้าจอแบบ Super Retina XDR ที่เป็นหน้าจอทั้งหมดแบบเต็มๆ ขยายออกไปสุดขอบ มาพร้อมอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 2,000,000 : 1 เพื่อแสดงสีดำที่เป็นสีดำสนิท และเพื่อประสบการณ์ การชมคอนเทนต์แบบ HDR ที่สมจริง หน้าจอมีความสว่างสูงสุด สูงกว่า iPhone 11 เกือบ 2 เท่า พร้อมมาตรฐานระดับ IP68 สามารถทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตรในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที

ภายในมาพร้อมกับชิป ประสิทธิภาพสูงอย่าง A14 Bionic ที่ถือเป็นชิปตัวแรกในวงการสมาร์ทโฟน ที่สร้างขึ้นด้วยกระบวนการ 5 นาโนเมตร มาพร้อม CPU และ GPU ที่เประมวลผลภาพถ่ายได้อย่างทรงพลัง และยังคงใช้แบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น โดยชิป A14 Bionic ยังมี Neural Engine แบบ 16 คอร์ที่เข้ามาช่วยยกระดับการเรียนรู้ของระบบ Machine Learning ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 80% สามารถประมวลผลได้ถึง 11 ล้านล้านรายการต่อวินาที

สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ กล้องหลังเป็นแบบคู่ เลนส์ตัวแรกเป็นเลนส์ Wide ที่มาพร้อมรูรับแสง f/1.6 รับแสงได้มากขึ้น 27% และ Deep Fusion ที่ทำงานได้เร็วขึ้น เมื่อใช้โหมดกลางคืนกับการถ่ายภาพ ในสภาวะแสงน้อย อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น พร้อมนอยซ์ที่ลดลงด้วย Deep Fusion ส่วนเลนส์อีกตัวเป็นเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4 เก็บภาพได้มุมกว้าง 120 องศา

Apple iphone12 mini

ไอโฟน 12 ยังมาพร้อมกับกล้องตัวแรกที่สามารถถ่ายวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision และผู้ใช้งานสามารถถ่าย ตัดต่อ และแชร์วิดีโอคุณภาพระดับโรงหนังบน iPhone ได้ง่าย ๆ

ในส่วนของการชาร์จ เป็นแบบไร้สาย พัฒนามาพร้อมกับนวัตกรรม MagSafe และระบบ ecosystem ของอุปกรณ์เสริมที่ยึดติดเข้ากับ iPhone ได้ง่ายๆ โดยที่ชาร์จ MagSafe จะจ่ายไฟสูงสุดที่ 15 วัตต์

ที่สำคัญกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยออกบรรจุภัณฑ์ของ iPhone 12 ที่มีขนาดเล็กลง และเบาลง ทำให้ประหยัดพื้นที่มากขึ้น และช่วยเพิ่มจำนวนกล่อง ในการจัดส่งได้มากขึ้นถึง 70% ซึ่งกล่องที่เล็กลงนี้ จะมีตัวเครื่องไอโฟน และ สายชาร์จเร็วแบบ USB-C to Lightning มาให้ โดยไม่มีแถมตัวอะแดปเตอร์ชาร์จ และหูฟัง Earpods ให้

iPhone 12 และ iPhone 12 mini มาในดีไซน์อะลูมิเนียม ที่มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ น้ำเงิน เขียว ดำ ขาว และ แดง PRODUCT RED

Phone 12 Pro และ iPhone12 Pro Max

Phone 12 Pro มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ส่วน iPhone12 Pro Max มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ทั้ง 2 รุ่นใช้หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR ที่ออกแบบให้มีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นแบบขอบจรดขอบ เหมือนของ ไอโฟน 12 และ ไอโฟน 12 mini

โดยที่ iPhone12 Pro Max นั้นมีจอภาพที่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone และมีความละเอียดสูงที่สุดเกือบ 3.5 ล้านพิกเซล ตัวเครื่องทำมาจากวัสดุที่ทนทาน เป็นสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ในทำเครื่องมือศัลยกรรม

หน้าจอยังมีการป้องกันด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Ceramic Shield เช่นเดียวกับ iPhone 12 และ iPhone 12 mini ทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตรในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที ตัวชิป เป็น A14 Bionic รุ่นล่าสุด ที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อน ขณะที่กล้อง มาในคอนเซ็ปต์ Pro Camera มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ Wide , Ultra Wide และ Telephoto

กล้องใน iPhone 12 Pro จะมาพร้อมกับเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.6 พร้อมระบบกันสั่น Optical Image Stabilization เลนส์ตัวที่ 2 เป็นเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4 เก็บภาพมุมกว้างได้ถึง 120 องศา และเลนส์ตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.0 สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 4 เท่าและซูมแบบดิจิทัลได้ 10 เท่า

ส่วนกล้องหลังของ iPhone12 Pro Max มาพร้อมกับเลนส์ 3 ตัว ที่ยกระดับให้ผู้ใช้สัมผัสประสบการณ์ การใช้กล้องระดับโปร ให้เหนือชั้นขึ้นไป โดยเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.6 มาพร้อมระบบกันสั่น Optical Image Stabilization มีเซนเซอร์ที่ขนาดใหญ่ขึ้น 47% และพิกเซลขนาด 1.7μm

เลนส์ตัวที่ 2 เป็นเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4 เก็บภาพมุมกว้างได้ถึง 120 องศา และเลนส์ตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2 สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 2.5 เท่า และซูมแบบดิจิทัลได้ 12 เท่า

จุดเด่นของกล้องในรุ่นของ ไอโฟน 12 โปร และ ไอโฟน 12 โปร แม็กซ์ คือ Apple ProRAW ที่เป็นกระบวนการประมวลผลภาพแบบหลายเฟรม และประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ของ Apple ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสีสัน รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะบน iPhone หรือใช้แอปแต่งรูปต่างๆ

นอกจากนี้ยังถ่ายวิดีโอที่มีคุณภาพสูงที่สุดในสมาร์ทโฟน และเป็นกล้องตัวแรกและอุปกรณ์ตัวเดียวในโลกที่สามารถมอบประสบการณ์ Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยการบันทึกแบบ HDR สูงสุด 60 fps พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหว

สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเสริมเทคโนโลยีกล้องของ iPhone12 Pro และ 12 Pro Max ก็คือ LiDAR Scanner บบใหม่ ที่ช่วยวัดระยะทางของแสง ให้ข้อมูลความลึกระดับพิกเซลของฉากนั้น เทคโนโลยีนี้จะมอบประสบการณ์ AR ที่ให้ความสมจริงมากยิ่งขึ้น โดยช่วยเรื่องออโตโฟกัสในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นถึง 6 เท่า ทำงานร่วมกับ Neural Engine บนชิป A14 Bionic ทำให้ถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืนพร้อมเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่สวยงามและสมจริง

iPhone12 Pro และ iPhone12 Pro Max มีให้เลือก 4 สี คือ สีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู

ไอโฟน 12 ทุกรุ่น จะเริ่ม ขาย ในไทยตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่จะถึงนี้ โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้ากับ AIS True Dtac รวมถึงตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo