Economics

น้ำมันทะยานทะลุ 40 ดอลลาร์ รับข่าววัคซีนโควิด ขณะปตท.มองที่ 40-50 ดอลลาร์

ราคาน้ำมัน พุ่งเกือบ 10% เพิ่มขึ้นมากสุดในวันเดียวในรอบ 6 เดือน หลังจาก Pfizer ประกาศผลการทอลองวัคซันโควิด-19 ขณะปตท.มองปีหน้า 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่ม 3.37 อลลาร์/ดอลลาร์ หรือ 8.5% อยู่ที่ 42.82 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่ม 3.54 ดอลลาร์ หรือ 9.5% อยู่ที่ 40.68 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักวิเคราะห์กล่าวว่าราคาน้ำมันทะยานขึ้นมากกว่าพื้นฐานเศรษฐิกิจจริง ขณะที่ราคาน้ำมันและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นทะยานขึ้นตามข่าววัคซีนโควิด-19

Pfizer หนึ่งในบริษัทยา ที่อยู่ระหว่างการทดลองวัคซีน ระบุว่าการทดลองวัคซีนประสบผลสำเร็จมากกว่า 90% ในการป้องกันโควิด

นักลงทุนรอคอยวัคซีนมานาน หากพัฒนาสำเร็จจะทำให้คนกลับมาใช้รถยนต์ และการขนส่งทุกประเภทจะฟื้นตัว

ขณะเดียวกันชัยชนะของนายโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี อาจจะทำให้ความสัมพันธ์กับอิหร่านผ่อนคลายขึ้นและกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง แต่ยังต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT มองว่าราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในกรอบ 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ไม่มากนักจากเฉลี่ย 41-42 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ และปริมาณขายที่น่าจะเพิ่มขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวหลังนายโจ ไบเดน คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธาธิบดีสหรัฐ และหากมีวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมาใช้ก็จะทำให้สถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง

นอกจากนี้การที่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ซึ่งมีท่าทีประนีประนอม ก็น่าจะทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนผ่อนคลายลง อีกทั้งนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนมากกว่าพลังงานจากฟอสซิล น่าจะทำให้การผลิตน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิสจากสหรัฐออกมาน้อยลง ก็จะเป็นผลดีต่อทิศทางราคารที่จะปรับเข้าสู่สมดุล รวมถึงนโยบายจัดเก็บภาษีจากผู้มีรายได้มากให้สูงขึ้นและหันไปเพิ่มค่าจ้างแรงงานระดับล่างก็จะกระตุ้นกลุ่มฐากรากให้มีกำลังซื้อมากขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจให้เติบโต

อย่างไรก็ตามการกำหนดนโยบายด้านภาษีของนายไบเดน อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งก็จะกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นกัน แต่น่าจะชดเชยกันได้กับเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นก็จะหนุนการส่งออกของไทยให้ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้เงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบอาจจะขยับขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกมากนักและน่าจะเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับปัจจุบัน

สำหรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 40-50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีหน้า จะใช้เป็นสมมติฐานสำหรับการจัดทำงบประมาณและแผนงานของปตท.ด้วย โดยเตรียมนำแผนงานและงบลงทุน 5 ปี (ปี 64-68) เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการปตท.ในเดือนธ.ค.นี้

“รายได้ปีหน้ามีโอกาสดีขึ้น ถ้าน้ำมันเพิ่มรายได้เราก็เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นปริมาณขายก็น่าจะดีขึ้น ถ้าราคาน้ำมันไม่เปลี่ยนมากนัก stock loss ก็จะไม่มี ปีนี้เราโดน stock loss เข้าไป ส่วนสถานการ์โรงกลั่นและปิโตรเคมีเป็นอะไรที่ต้องติดตาม ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นพวกนี้ดีขึ้นตาม

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า สถานการณ์ความต้องการใช้น้ำมันภาคพื้นทั้งเบนซินและดีเซลเริ่มกลับมาปกติหลังชะลอไปช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่น้ำมันอากาศยานยังฟื้นตัวกลับมาไม่ถึง 50%

ที่ผ่านมากลุ่มปตท.บริหารจัดการในการผลิตน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 3 แห่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ผลิตน้ำมันอากาศยานเพียงรายเดียวในขณะนี้ ส่วนบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ในขณะนี้ยังไม่ได้ผลิตน้ำมันอากาศยาน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo