Economics

วิเคราะห์ผลดีผลเสียต่อ ‘เศรษฐกิจไทย’ หาก ‘โจ ไบเดน’ ชนะเลือกตั้งสหรัฐ

“กรุงไทย” วิเคราะห์ผลดีผลเสียต่อ “เศรษฐกิจไทย” หาก “โจ ไบเดน” คว้าชัย เลือกตั้งสหรัฐ ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีแทน “โดนัลด์ ทรัมป์”

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ของธนาคารกรุงไทย ออกบทวิเคราะห์เรื่อง จับตาทิศทางเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลก หากผู้นําสหรัฐคนใหม่ คือ โจ ไบเดน เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจโลกและ เศรษฐกิจไทย ในกรณีที่ “โจ ไบเดน” ชนะการ เลือกตั้งสหรัฐ และได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีแทน “โดนัลด์ ทรัมป์” มีเนื้อหาในภาพรวมดังนี้

โจ ไบเดน

จากข้อมูลล่าสุดวานนี้ (6 พ.ย. 63) โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งสหรัฐ คว้าเอ้ากี้ประธานาธิบดีครั้งนี้ หลังเอาชนะได้ในรัฐสําคัญที่มีคะแนนไม่ทิ้งห่างกันมากนัก (Swing States) อย่างมิชิแกนและวิสคอนซินที่มีจํานวนที่นั่งจากคณะผู้แทนเลือกตั้ง (Electoral College) รวม 26 ที่นั่ง จนทําให้คะแนนทิ้งห่างทรัมป์มากขึ้น และคาดว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถกุมเสียงข้างมากไว้ได้ในการเลือกตั้ง สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives)

แต่เสียงจากวุฒิสภา (Senate) คาดว่ากลับเป็นฝ่ายพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากไว้ได้ ทั้งนี้ตามกําหนดจะเริ่มดํารงตําแหน่งภายหลังจากวาระประธานาธิบดีของทรัมป์สิ้นสุดลงในวันที่ 20 มกราคม 2564 เวลา 12.00 น.

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไบเดนจะชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับเชิงบวก ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมีโอกาสเปิดรับความเสี่ยง (Risk-on) และเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

“เศรษฐกิจไทย” เมื่อ โจ ไบเดน ชนะ เลือกตั้งสหรัฐ

การส่งออกของไทยไปสหรัฐจะขยายตัว “ดีขึ้น” เมื่อเทียบกับกรณีที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย 1.2% ในปี 2021 หากผลการเลือกตั้งเป็นไปตามคาด กล่าวคือ ไบเดนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่ครองเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา

กรณีนี้ทําให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มต่ำกว่าในกรณีที่พรรคเดโมแครตชนะเลือกตั้งทุกสนาม เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจที่พรรคเดโมแครตวางไว้อาจไม่สามารถทําได้ตามแผนงานทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สําคัญและเร่งด่วนคาดว่าจะสามารถดําเนินการได้ผ่านคําสั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Executive Order) และทําให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีกว่าในกรณีที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในสมัยที่ 2 หนุนการส่งออกของไทยไปสหรัฐ ให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย

โดยสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคที่จะมีแนวโน้มดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ สินค้าจําพวกเหล็ก อลูมิเนียม คอนกรีตมีแนวโน้มเร่งขึ้นตามการลงทุนขนาดใหญ่

รถไฟฟ้า85634

ท่าทีของ โจ ไบเดน ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายกว่าและมีโอกาสที่สหรัฐจะเข้าร่วมความร่วมมือทางการค้าในเวทีต่างๆ มากขึ้น เช่น ความตกลง CPTPP ซึ่งจะส่งผลดีต่อมุมมองการค้าโลกและการส่งออกของไทยในภาพรวม ขณะเดียวกันมีโอกาสที่สหรัฐจะกลับมาทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็น การทั่วไป (GSP) ของไทยก็มีเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากที่ถูกตัดสิทธิไปถึง 2 ครั้งในสมัยของทรัมป์

การสนับสนุนพลังงานสะอาด (Green Energy) ช่วยให้อุตสาหกรรมการผลิตพลังงานทางเลือกของไทยได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย โอกาสที่นักลงทุนทั่วโลกจะ โฟกัสการลงทุนในกลุ่มของพลังงานทางเลือกมีมากขึ้น รวมถึงตัวเลือกในตลาดหุ้น ไทยก็มีความน่าสนใจ สะท้อนจากหุ้นใน SET Index ของไทยที่ทําธุรกิจเกี่ยวกับ โรงไฟฟ้า พลังงานสะอาด และธุรกิจที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนที่ปรับตัวพุ่ง สูงขึ้นทันทีที่คะแนนของไบเดนพลิกกลับมาเอาชนะได้ในรัฐสําคัญ

Krungthai COMPASS จึงปรับประมาณการส่งออกของไทยปี 2020 ว่าจะหดตัว 7.4% ก่อนจะพลิกกลับมาขยายตัว 4.0% ในปี 2021

โดนัล ทรัมป์ โจ ไบเดน

ความท้าทายที่ต้องเจอ

แม้นโยบายเบื้องต้นของ โจ ไบเดน จะมีส่วนหนุนเศรษฐกิจและภาพรวมการค้าโลก แต่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกสําคัญของไทยได้ ในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะนโยบายที่มุ่งเน้นเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อย่างการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยที่ส่วนใหญ่ยังเป็นการผลิตสําหรับรถยนต์สันดาปภายใน

นอกจากนี้การห้ามการขุด เจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในดินแดนของรัฐ และเป้าหมายในการลดการใช้ พลังงานจากฟอสซิล เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ (Net zero emission) ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 จะยิ่งเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น และจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตของไทย แม้ว่าจะช่วยให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้นก็ตาม

ความตกลง CPTPP อาจเพิ่มอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมเกษตรของไทย เพราะเป็นการเปิดช่องให้ไทยต้องนําเข้า สินค้าจากประเทศสมาชิกมากขึ้น เช่น กากถั่วเหลือง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รวมไป ถึงปุ๋ย สารเคมีและยาฆ่าแมลงที่หลายประเทศส่งออกเป็นสินค้าเกษตรหลัก

นอกจากนี้ยังมีข้อบัญญัติที่สมาชิกจําเป็นต้องเข้าร่วมในอนุสัญญาการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) ที่จะทําให้เกษตรกรไทยไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ปลูกต่อได้ แต่กลับเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิกสามารถนําพันธุ์พืชไทยไปวิจัย พัฒนา และสามารถจดสิทธิบัตรได้ (แม้ประเทศสมาชิกอย่างนิวซีแลนด์จะขอยืดเวลาการบังคับใช้เกณฑ์นี้ออกไป)

การส่งออกสินค้าที่พึ่งพาแรงงานเข้มข้น (Labor-intensive) อาจเป็นที่จับตามากขึ้น เช่น อาหารทะเล โดยสหรัฐพุ่งเป้าไปที่ประเด็นด้านสิทธิแรงงานในภาคประมงที่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกถูกลดทอนลงจากเงินบาทเทียบดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หาก โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากสหรัฐ กดดันค่าเงินดอลลาร์ให้มีแนวโน้มอ่อนค่า กระทบค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นได้ เนื่องจากตลาดคลายความกังวลจากความไม่แน่นอนและแรงกดดันต่อผลกําไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo