Entertainment

ปุ้ย TPN ฟาด ฟ้าใส ไล่ไทม์ไลน์ยึกยักขอแก้ – ไม่ยอมเซ็นสัญญา กองประกวดฯ ไหนทำกัน!?

ยังคงเป็นประเด็นให้เหล่าแฟนคลับนางงามได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับดราม่ายึดมงกุฎของ “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” Miss Universe Thailand 2019 และ Top 5 Miss Universe 2019 ที่มีเรื่องของสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้อง

โดยล่าสุด (3 พ.ย.) ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ถือลิขสิทธิ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ – ผู้บริหาร บริษัท TPN 2018 จำกัด พร้อมด้วยทนายความ ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้กับสื่อมวลชนพร้อมไล่ไทม์ไลน์การทำสัญญาเอาไว้ว่า

2 ปุ้ยฟ้าใส 5

“ขออนุญาตไล่ไทม์ไลน์นะคะ เริ่มจากเราประกวดเสร็จเดือนมิถุนายน 2019 วันที่ 6 มิถุนายน ผู้เข้าประกวดที่เข้ารอบ 60 คนจะต้องทำข้อตกลงในการเข้าประกวด MUT 2019 ซึ่งทุกคนต้องเซ็นข้อตกลงนี้ และอันนี้ไม่ใช่สัญญา แต่เป็นข้อตกลง เป็นเพียงเงื่อนไขข้อบังคับในการประกวด ทุกเวทีทุกที่ก็ทำแบบนี้หมด

และเมื่อประกวดแล้วได้ Top5 เราถึงจะเชิญทำสัญญา ซึ่งเนื้อความมันจะคล้ายๆ กันนั่นแหละเพียงแต่จะแยกออกไปว่าการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ชนะและรองทั้ง 4 มันต่างกัน เงินรางวัล ของรางวัลก็ต่างกัน

จากนั้นวันที่ 17 กรกฎาคม นางงามที่ได้อันดับรองทุกคนก็มาเซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อย ยกเว้นฟ้าใสยังไม่ได้เข้ามา เพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวฟ้าใสก็ยุ่งมากจริงๆ แล้วทางกองประกวดฯ ยุ่ง ที่ผ่านมาเราเคยแจ้งฟ้าใสให้เข้ามาดูสัญญาหลายครั้ง แล้วผู้จัดการส่วนตัวคนเก่าของน้องเคยบอกให้น้องนัดเราให้รออยู่ที่ออฟฟิศเพื่อเข้ามาดูเรื่องสัญญา แต่สุดท้ายวันนั้นน้องก็ไม่ได้เข้ามา เพราะวันนั้นน้องอาจจะเรียนเลิกเย็น แล้วอาจจะเหนื่อย ก็ไม่เป็นไร

อีกครั้งคือก่อนจะเดินทางไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2019 ที่แอตแลนตา ประเทศสหรัฐอเมริกา คนที่เป็นผู้จัดการกองประกวดฯ คนเก่าก็เอาเอกสารไปให้ฟ้าใส เพราะว่ามันมีแค่ 3-4 หน้าเอง และไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ซึ่งผู้จัดการกองประกวดฯ ก็บอกว่าน้องยังไม่สะดวก เพราะน้องอยากโฟกัสเรื่องของการเทรนด์พูด เดิน การเตรียมตัวทุกอย่าง เราก็ไม่ว่ากัน เพราะเราเคยบอกไปแล้วว่าเรื่องของสัญญาสะดวกเมื่อไหร่ก็ค่อยเซ็น บางคนอาจจะบอกว่าก็เธอไม่ทำให้เรียบร้อยก่อน อันนี้ก็ยอมรับค่ะ

ช่วงที่เราเดินทางไปแอตแลนตา เราก็ได้ถามกับผู้จัดการว่าน้องเซ็นสัญญาเรียบร้อยหรือยัง ผู้จัดการก็บอกว่าน้องบอกว่าขออ่านก่อน แล้วเราไปแอตแลนตาค่อนข้างนาน 2 สัปดาห์ เวลามันเหลือเฟือ ที่เราไปก่อนเวลาเพราะอยากให้นางงามของเราไม่เจ็ตแล็ก

6 ฟ้าใส 3

พอไปถึงแอตแลนตาก็ยังไม่ได้เซ็น ฟ้าใสบอกว่าไม่ได้เอาสัญญามา พอวันที่ 28 พฤศจิกายน 2019 คุณแม่ของฟ้าใสก็เดินทางมาที่แอตแลนตา และมาขอนอนกับเรา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กองฯ ที่ไปด้วยกันก็ไปปรินต์สัญญามาให้ใหม่ คุณแม่ก็บอกว่าจะขอดูสัญญาให้ฟ้าใสเอง เพราะฟ้าใสอาจจะไม่เข้าใจในเรื่องของภาษาไทย หรือภาษาสัญญาอาจจะไม่รู้ เราก็โอเคยินดี

หลังจากนั้นคุณแม่ก็ขอแก้ไขในตัวสัญญา ซึ่งก็เป็นลายมือของคุณแม่เองทั้งหมด เราก็ไม่เป็นไร วินาทีนั้นคุณแม่อยากจะแก้ไขอะไรก็ได้หมดแหละ เราอยากทำให้มันถูกต้อง เพราะเราจะได้แนบรายละเอียดทั้งหมดส่งกองประกวดใหญ่ สิ่งที่คุณแม่ขอแก้ไขก็จะมีจุ๊กๆ จิ๊กๆ อย่างสัญญาในประเทศอันนี้ชัดเจน การแบ่งเปอร์เซ็นต์ทุกกองประกวดฯ ทุกเวทีทำไว้ที่ 70:30 นางงาม 70 กองฯ 30

และมีอีกอันหนึ่งที่ฝ่ายร่างสัญญาของบริษัททำให้ เป็นเรื่องของสัญญาต่างประเทศ ถ้าสมมติว่าบริษัทหางานที่ต่างประเทศได้ทั้งหมดก็จะมีการแบ่งกัน 50:50 โดยที่เราจะเคลียร์ทุกอย่างให้หมด ทั้งส่วนแบ่งของเอเจนซี่ เพื่อไม่ให้วุ่นวายทางกฎหมายต่างๆ รวมถึงส่วนแบ่งทางเมืองนอกก็ 50:50 ซึ่งคุณแม่ก็แก้มาว่าขอ 70:30 ได้มั้ย เราก็บอกได้ เราก็ให้ ที่ให้เพราะตอนนั้นนึกอย่างเดียวว่า รายได้อันนั้นคงไม่ทำให้บริษัทรวยพันล้านหมื่นล้านหรอกค่ะ แต่ประเด็นคือเราอยากให้เอกสารทุกอย่างมันถูกต้องทั้งหมดจะได้แนบส่งเขาให้ครบ

กรรมการของมิสยูนิเวิร์สละเอียดมาก เพราะในสัญญาเอกสารที่ต้องส่งกองมิสยูนิเวิร์ส เราต้องมีลายเซ็นของกรรมการในรอบไฟนอลทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าคนนี้นี่แหละคือผู้ที่ได้รับมงกุฎ นี่คือสิ่งที่ทุกคนถามว่าทำไมต้องไปเซ็นที่โน่น มันต้องเซ็นค่ะ จนท้ายที่สุดแล้วก่อนวันรอบพรีลิมประมาณ 2 วัน เราก็ไปคุยกับทางกองประกวดมิสยูนิเวิร์สว่า ขอให้ไว้ใจฉัน เพราะเห็นในอีเวนต์อยู่แล้วว่าฟ้าใสคือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 แน่นอน ไม่ใช่คนอื่น

80272530 486679275298017 2195125074514673664 o

จากนั้นทีมงานเราก็แก้ให้ตามที่คุณแม่ขอ เสร็จแล้วก็ส่งสัญญากลับไปให้ฟ้าใส แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เซ็นตรงนั้น คุณแม่บอกว่าให้น้องดูเองละกันเพราะน้องก็บรรลุนิติภาวะแล้ว เราก็งงๆ คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกเราคนธรรมะธรรมโมด้วยกัน เดี๋ยวกลับมาเมืองไทยค่อยมาเซ็นที่เมืองไทยก็ได้ แล้วตอนนั้นกระแสน้องก็ถล่มทลาย เราก็เลยคิดแค่ว่าจะทำยังไงก็ได้ให้ประเทศไทยได้มงฯ ที่สาม ส่วนเรื่องพวกนี้แค่ปลีกย่อย คือไม่สนใจเลย ก็เลยเป็นที่มาว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เซ็น

กระทั่งกลับมาเมืองไทย วันที่ 27 มกราคม 2020 ทางกองประกวดฯ ได้ส่งหนังสือทวงถาม ให้ฟ้าใสเข้ามาเซ็นสัญญาอีกครั้งที่สำนักงาน แต่น้องก็ไม่มีการตอบอะไร จนฝ่ายกฎหมายถามเราว่าจบหรือยังจะได้ทำรางวัลให้เขา เพราะทุกอย่างเราดีลไว้หมดแล้ว จากนั้นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ฟ้าใสก็ได้เดินทางมาพร้อมทนายความและญาติผู้ใหญ่ 2 ท่าน มาขอเจรจาในวันดังกล่าว น้องก็ถือสัญญามาหนึ่งฉบับเพื่อมาขอเจรจา และยื่นข้อเสนอให้บริษัททำสัญญาดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งเราให้ทนายดู

2 ปุ้ยฟ้าใส 3

ทางทนายความ เผยว่า สัญญามันไม่ครอบคลุมทั้งหมด เพราะของฟ้าใสเขียนมาโดยไม่ได้เป็นเงื่อนไขของตัวเข้าข้อกฎหมาย ทางทนายความของทั้งสองฝั่งจึงได้เจรจากันว่า ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็คงยังเซ็นกันไม่ได้ ก็ส่งตัวร่างสัญญามาเพื่อจะให้ครอบคลุมทั้งหมด จะได้ไม่มีปัญหาทางด้านกฎหมายในภายหลัง ก็มีการเจรจากันและมีการส่งอีเมลตอบรับกัน ทั้งสองฝ่ายมีทนายในการตรวจสอบสัญญาทั้งหมด

จนสุดท้ายก็มีการเซ็นสัญญาโดยที่ทางด้านของคู่สัญญาก็คือฟ้าใส มีเจตนาที่จะไม่เข้าทำสัญญากับทางกองประกวดฯ อย่างที่ทราบกันว่า ครั้งแรกจะเป็นการเซ็นสัญญาเงื่อนไขข้อบังคับในการประกวดรอบ 60 คน หลังจากนั้นพอได้ตำแหน่งก็จะมีการทำสัญญากับทางกองประกวด แต่ทางฟ้าใสไม่เคยเข้ามาทำสัญญาตัวนี้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้ามาทำ ตัวเงื่อนไขหรือเงินรางวัลตามสัญญาก็ต้องไม่ได้ ถูกต้องมั้ยครับ

วันที่ 4 มีนาคม 2563 ไม่ได้เป็นการเซ็นสัญญา แต่เป็นการเซ็นข้อตกลงว่าทางฟ้าใสประสงค์ที่จะไม่เข้าทำสัญญากับทางกองประกวดฯ เราป้องกันเรื่องข้อกฎหมายไว้ เป็นการยุติทางข้อกฎหมาย ไม่อย่างนั้นสัญญาเงื่อนไขการเข้าประกวดมันยังผูกพันอยู่ และเป็นสัญญาที่ยอมรับเงื่อนไขเรื่องของตัวเงินและของรางวัลที่ร้องขอ ซึ่งสัญญานี้เป็นข้อตกลงร่วมกัน

2 ปุ้ยฟ้าใส 2

เงื่อนไขในสัญญามีข้อตกลงกันว่าจะไม่เอามาเปิดเผยกัน แต่ตอนนี้เรายอมให้เปิดเผย วันที่น้องฟ้าใสถือสัญญาฉบับของตัวเองมากับทนายความ และญาติผู้ใหญ่ของเธอ เราก็พูดเองว่าถ้าอย่างนี้หนูก็คงไม่แฮปปี้ที่จะทำงานกับกองฯ มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะมารั้ง เราก็ต้องให้เกียรติน้อง ถ้าเขาไม่แฮปปี้ที่จะทำเราก็ไม่ว่ากันเลย วันที่ 4 มีนาคม 2563 น้องเดินทางมาหาเราพร้อมญาติผู้ใหญ่และทนายความ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่น้องขอมา เราก็โอเค เราก็ไม่อยากมีเรื่องมาราว

ส่วนข้อตกลงที่ทางทนายทั้งสองฝั่งทำร่วมกันว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลออกไป เพราะมันจะสร้างความเสียหาย มันก็คงจะเสียทางใดทางหนึ่งล่ะ คนชอบมาบอกว่าแน่จริงเอาสัญญามากาง เราจะพูดเสมอว่าไม่ได้ แต่วันนี้จะบอกว่าไม่บังคับ ถ้าฟ้าใสอยากจะเอาสัญญามาให้ทุกๆ คนดู เราไม่ว่า เรายินดี ไม่ถือว่าเป็นว่าผิดด้วยเพราะเราไม่มีอะไรต้องปิด แต่ทางเราจะไม่นำเสนอก่อนแค่นั้นเอง

เราไม่เคยยกเลิกสัญญา ถ้าจะยกเลิกสัญญา ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม ที่ฟ้าใสมาเซ็นสัญญาว่าจะไม่เข้าทำสัญญากับเรา ถ้าเราจะประกาศออกไปก็ได้เลย แต่เราไม่ทำ เพราะยังไงเขาก็คือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019

3 ฟ้าใส 6 1

“ถามว่าเสียใจมั้ย เสียใจค่ะ เราพยายามเลี่ยงมาตลอด เลี่ยงมากี่ครั้งแล้วเพราะไม่อยากออกมาพูดแบบนี้ เพราะการพูดแบบนี้มันจะทำให้เกิดความเสียหายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าเราจบกันสวยๆ มีความคิดดีถึงกัน มีอะไรอีกตั้งหลายอย่างว่ากองออกมาพูดมาเล่า เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีแต่เราจะบอกว่ามองกันในจุดดีข้อดีกันเถอะ เราอย่าไปมองเรื่องที่มาสายไม่มาสายกันเลย แต่เราไม่พูด ใครที่เคยสัมผัสกับน้องเราไม่ต้องมาพูดหรอก เรามองจุดดีของเขา จุดน่ารักของเขาดีกว่า”

“ฉบับที่หนึ่งคือที่ผู้ประกวด 60 คนเซ็นหมด น้องก็เซ็นเรียบร้อย ไม่มีปัญหา ฉบับที่ 2 ก็คือฉบับที่เราส่งไปที่แอตแลนตา และเป็นฉบับที่เราใช้กับอแมนด้าในปีนี้ด้วย ซึ่งพอไปถึงที่แอตแลนตาคุณแม่น้องฟ้าใสก็ขอแก้ ซึ่งเราก็แก้ให้ตามนั้นแต่ก็ไม่มีการเซ็น จนกลับมาไทยทางฝ่ายกฎหมายก็เลยทำหนังสือโนติสต์ไปให้น้องเข้ามารับรางวัลไปด้วยนะ แต่ก็ไม่ได้เซ็นอีก แล้วสุดท้ายน้องก็ถือฉบับนึงของน้องมา อันนี้จะเรียกว่าอะไร สัญญาทุกคนต้องเซ็นแบบนี้นี้หมด”

“การที่ฟ้าใสจะมาขอเปลี่ยนแปลงสัญญาที่ทางกองฯ ใช้กับทุกคนที่ได้ตำแหน่ง และใช้กับการประกวดทุกปี ขอถามว่ามีกองฯ ไหนทำมั้ยคะ กองฯ อื่นทำได้มั้ย สมมติคุณไปประกวดเวทีใหญ่ๆ แล้วไปบอกฉันขอแก้ไขสัญญาตามนี้ตามนั้น คุณทำได้มั้ยคะ”

2 ปุ้ยฟ้าใส 6

“เคยมีคอมเมนต์บอกว่าฟ้าใสดังด้วยตัวของน้องเองอยู่แล้ว อันนี้เราไม่เถียง น้องเขาก็เก่งจริงๆ และในห้วงเวลานั้นเขาก็มีความมุ่งมั่นของเขา แต่อยากจะบอกนิดนึงค่ะว่า น้องก็ประกวดมาหลายเวทีแล้ว น้องก็ไม่เคยถึงจุดที่น้องฝัน มาถึงยุคTPN ซึ่งเราโปร่งใสมาก แล้วเราก็ทำทุกอย่างให้เห็นว่า ใครที่เหมาะวันนั้นคือก็คือคนนั้นแหละ และเราทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเทรนนิ่งน้อง เราก็เลือกมือดี มือหนึ่งมาหมด หรือแม้กระทั่งการส่ง หรือการจัดหางานให้น้องให้ได้มีเวทีพูดในระดับนานาชาติ เพื่อให้ต่างชาติได้เห็นว่านี่แหละ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ของฉัน อันนี้เราไม่ได้มาเทกเครดิต แต่ก็ต้องมองหลายๆ จุด มันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรืออยู่ดีๆ เกิดขึ้นมาได้เลย”

“มีคำถามถามมาเยอะมากว่าเราจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไร เราได้พูดคุยกับคุณทนายแล้วว่าเราเอาเวลาไปสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคมดีกว่า เราไม่ว่างที่จะไปขึ้นศาลฟ้องกันไปมา เราจะไม่ฟ้องใครค่ะเพราะมันไม่ได้ประโยชน์เลย และคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ถึงแม้เราจะชนะ ชนะแล้วยังไงละคะ หรือถึงจะแพ้ แพ้แล้วยังไงคะ”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo