อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า สหรัฐกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่ทั่วโลกต่างกำลังจับตา และลุ้นว่า ใครจะได้เป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจของโลกแห่งนี้ จะเป็น “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน หรือ “โจ ไบเดน” ผู้ท้าชิง ที่มาแรงนั้น มีเรื่องน่ารู้อยู่จำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้
ผู้ใช้สิทธิล่วงหน้าจำนวนมาก
มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วกว่า 90 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมดประมาณ 255 ล้านคน
คนออกมาเลือกตั้งมากกว่าครั้งก่อน
มีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง 55.5% หรือ 139 ล้านคน จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในปีนั้น 250 ล้านคน คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะมีสัดส่วนผู้มาใช้สิทธิ์มากกว่าเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2016 เนื่องจากมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าอย่างคับคั่ง
นับคะแนนล่าช้า
จากการที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก จึงทำให้การนับคะแนนจะต้องล่าช้ากว่าปี 2559 เนื่องจากหลายรัฐมีกฎหมายห้ามนับคะแนนก่อนวันเลือกตั้งจริง รวมถึงโอกาสเกิดความล่าช้า ในการจัดส่งหีบคะแนน
ดังนั้นกว่าจะทราบผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก็อาจต้องใช้เวลาหลายวัน
ศาลสูงมีแนวโน้มที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งนี้
เนื่องจากมีข้อพิพาทกันหลายคดีระหว่างรีพับลิกัน และเดโมแครตต่อการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ และข้อขัดแย้งดังกล่าวก็จะมีผลทำให้การทราบผลเลือกตั้งต้องล่าช้าออกไปด้วย เพราะต้องรอให้ศาลวินิจฉัย
เพนซิลเวเนียนับเป็นรัฐหนึ่งที่มีข้อขัดแย้ง
เลือกตั้งครั้งที่แล้วทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ แบบฉิวเฉียดด้วยคะแนนเพียง +0.7 สวนทางกับโพลที่คาดว่า ฮิลลารี คลินตันจะชนะที่ +1.9 และศาลสูงจะต้องเข้ามาตัดสินข้อพิพาทเรื่องการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า
ศาลจะวินิจฉัยภายหลังการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งว่ากันว่่าผู้พิพากษา 3 ใน 9 มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทรัมป์ ดังนั้นเพนซิลเวเนีย จึงนับเป็นรัฐที่มีผู้คนจับตามากรัฐหนึ่ง เพราะมีผลต่อการพลิกสถานการณ์การเป็นรองให้กับทรัมป์ได้
คนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าทางไปรษณีย์ ส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของเดโมแครต
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่คะแนนเหล่านี้จะถูกสกัดจากทรัมป์ด้วยการฟ้องศาล (นี่จึงเป็นเหตุผลที่คาดเดาได้เลยว่าจะทราบผลเลือกตั้งช้าแน่ๆ)
เกมอาจพลิก
แม้ผลสำรวจคะแนนความนิยมทั่วประเทศของไบเดนจะนำทรัมป์ค่อนข้างห่าง แต่ทรัมป์ยังมีไพ่ที่อาจพลิกเกมส์ได้จากอย่างน้อยสองเรื่องคือ
- การฟ้องศาลให้วินิจฉัยการนับคะแนนการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ในรัฐที่คาดว่าจะทำให้ตนเองได้เปรียบ
- การกระตุ้นให้คนผิวขาวที่ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนให้มากขึ้น (คนกลุ่มนี้เป็นฐานเสียงของทรัมป์) เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมามีคนไม่ได้ออกมาใช้สิทธิ์ใน Battleground States ถึง 20 ล้านเสียง
จะเห็นว่าทรัมป์ยังมีโอกาสพลิกเกมส์ให้ตนเองกลับมาชนะได้ และโอกาสที่ผลเลือกตั้ง มีโอกาสพลิกไปพลิกมา นี่เองก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น จนส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนระหว่างรอผลผู้ชนะ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โพลโค้งสุดท้าย ‘ไบเดน’ ยังทิ้งห่าง ‘ทรัมป์’ ศึกเลือกตั้งสหรัฐ
- ’13 รัฐสมรภูมิ’ ชี้ขาดชัยชนะ ‘ทรัมป์-ไบเดน’ ศึกเลือกตั้งสหรัฐ
- ชี้ ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง เศรษฐกิจสหรัฐฟื้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย