Economics

ชี้ ‘ไบเดน’ชนะ เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวเร็ว เงินดอลลาร์อ่อนค่า

เลือกตั้งสหรัฐ เริ่มแล้ววันี้ ผลโพลและการคาดการณ์ต่างๆ มองการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ ที่มีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน ไปในทิศทางเดียวกันว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

นอกจากชัยชนะของโจ ไบเดนแล้ว การกวาดที่นั่งในสภาคองเกรสทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของพรรคเดโมแครตน่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ การผ่านร่างกฎหมายงบประมาณน่าจะทำได้ราบรื่นกว่าในกรณีที่พรรคเดโมแครตครองเสียงเพียงสภาเดียว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.0% ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์ก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างประเทศอื่นๆ ตามความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่ลดลง 

อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งพลิกโผโดยทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัย ไม่ว่าจะมาจากผลการนับคะแนนที่ทรัมป์ได้คะแนนมากกว่าไบเดน หรือในกรณีผลการนับคะแนนออกมาสูสีระหว่างผู้สมัครทั้งสองจนนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้องในที่สุด

ในกรณีที่ทรัมป์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นกรณีที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของตลาด จะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนผันผวนอย่างมาก ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลง แม้ว่าความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงขึ้น 

เลือกตั้งสหรัฐส่งผลไทย
ประเมินผลกระทบจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ จากนโยบายของประธานาธิบดีใหม่

กรณีที่โจ ไบเดน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้เติบโตมากกว่าในกรณีที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีไม่ต่ำกว่า 1% ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น 1% จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 0.2% (บนสมมติฐานที่ไม่มีการยกระดับสถานการณ์การเมือง รวมถึงการแพร่ระบาดซ้ำอย่างรุนแรงในประเทศ) ผ่านผลกระทบทางตรงจากการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ และผลกระทบทางอ้อมผ่านเศรษฐกิจโลกในภาพรวมที่ฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับกรณีทรัมป์

ในขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าตามการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี แต่ในกรณีของโจ ไบเดน จะทำให้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกโดยรวมลดลง เงินทุนไหลกลับเข้าไปหาผลตอบแทนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ดอลลาร์จึงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงมาก

ดังนั้น ค่าเงินบาทจึงมีทิศทางแข็งค่ามากกว่าในกรณีที่ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี นอกจากนี้ ความเสี่ยงในประเทศทั้งปัจจัยการเมือง และสถานการณ์การแพร่ระบาดซ้ำของโควิดไม่ได้ยกระดับสูงขึ้น ดังนั้น ในช่วงสิ้นปี 2563 ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

‘หุ้นเอเชีย’ พุ่งแรง ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐ

จับตาตลาดป่วนรับเลือกตั้งสหรัฐ ชี้ ‘ไบเดน’ชนะ เศรษฐกิจไทยสดใส

โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 3 พ.ย. โพลล่าสุดชี้ ‘ไบเดน’ เป็นต่อ ‘ทรัมป์’

Avatar photo