Business

WGE เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ  3 พ.ย. 63

WGE ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างประเภทต่างๆ รวมถึงงานก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภคตามแบบที่ลูกค้า เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 3 .. 63 นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ราคา IPO 1,380 ล้านบาท  

บมจ. เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง หรือ “WGE” เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “WGE” ในวันที่ 3 พ.ย. 63

WGE และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างประเภทต่าง ๆ ทั้งงานภาครัฐและเอกชน บริการของกลุ่มบริษัทครอบคลุมถึงงานวิศวกรรมโยธา งานระบบวิศวกรรมอาคาร งานภูมิสถาปัตย์ รวมไปถึงงานก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภคตามแบบที่ลูกค้ากำหนด โดยสามารถแบ่งประเภทของงานก่อสร้าง ดังนี้ งานก่อสร้างประเภทโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือ คอมมูนิตี้มอลล์ คอนโดมิเนียมแนวราบและแนวสูง อาคารสำนักงาน และ โรงงานอุตสาหกรรม

WGE มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสำมัญเดิม 440 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 160 ล้านหุ้น เสนอขายต่อประชาชน 155 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และ/หรือ พนักงานของบริษัท 5 ล้านหุ้น ในระหว่างวันที่ 26 – 28 ตุลาคม 2563 ในราคาหุ้นละ 2.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 368 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,380 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 13.53 เท่า โดยมี บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บมจ.หลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างมาแล้วกว่า 10 ปี โดยมีทีมงานผู้บริหารและทีมวิศวกรที่มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในในสายงานธุรกิจก่อสร้าง บริษัทมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยความใส่ใจที่จะส่งมอบงานบริการที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญการให้บริการหลังการขายสร้างความประทับใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบสำหรับการเข้าประมูลงานก่อสร้างในอนาคต โดยทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ ขยายคลังสินค้า ซื้อเครื่องจักร และอุปกรณ์ เพื่อรองรับการเข้ารับงานโครงการในอนาคตของบริษัท

บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินรวมและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นใดในอนาคต และปัจจัยอื่นๆ

ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวบัวนุ่ม ถือหุ้นรวม 60.20% นายวายุ ทองพูน ถือหุ้น 13.38% และนายณรงค์ศักดิ์ ดิษฐ์ครบุรี ถือหุ้น 1.09%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ไทยพาณิชย์เล็งปล่อยสินเชื่อ 1.7 หมื่นล้าน หนุนรับเหมาประมูลงานรัฐ

ธุรกิจก่อสร้าง อสังหาฯ ครองแชมป์ทั้ง ‘เปิดใหม่-ปิดกิจการ’

ส่อง 10 ‘หุ้นบิ๊กแคปรับเหมา’ ก่อนวิ่งยาว ชิงประมูลงานรัฐ

Avatar photo