Economics

เอาแล้ว!! สหรัฐตัดสิทธิ ‘GSP’ ไทย 231 รายการ มีผล 30 ธ.ค. เป็นต้นไป

“พาณิชย์” เผยสหรัฐตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยเพิ่มเติมอีก 231 รายการ อ้างไทยไม่เปิดตลาดเนื้อสุกร ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง มีผล 30 ธันวาคมนี้  ยันไทยยังส่งออกได้ปกติ แค่ภาษีเพิ่มขึ้น ระบุมีผลกระทบต่อไทยจริงแค่ 147 รายการ คิดเป็นภาษีที่จะต้องเสียเพิ่ม 600 ล้านบาท ย้ำก่อนหน้าที่ถูกตัดไป 573 รายการ ก็กระทบจริง 315 รายการ ส่วนการติดตามผล พบสินค้ายังส่งออกได้ดีทั้งในสหรัฐ และตลาดอื่น

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ถึงประกาศประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ได้พิจารณาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) เป็นรายประเทศ

port 614543 640

สหรัฐตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยรวม 231 รายการ เนื่องจากเห็นว่า การเปิดตลาดสินค้าไทยไม่อยู่ในระดับที่เท่าเทียม และสมเหตุสมผล โดยเฉพาะการเปิดตลาดสินค้าเนื้อสุกร และผลิตภัณฑ์ ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง (แรคโตพามีน) โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป ทำให้สินค้าไทยต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าสินค้าไทยจะส่งออกไปสหรัฐ ไม่ได้

ผลการตรวจสอบการตัดสิทธิ GSP ดังกล่าว พบว่า มีสินค้าไทยที่ใช้สิทธิจริงจำนวน 147 รายการ มีมูลค่าการนำเข้าในสหรัฐ ประมาณ 604 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นภาษีที่ต้องกลับไปเสียในอัตราปกติประมาณ 3-4% มูลค่าประมาณ 19 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 600 ล้านบาท

สินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ พวงมาลัยรถยนต์ ล้อรถยนต์ กระปุกเกียร์ กรอบโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์ เกลือฟลูออรีน ที่นอนและฟูกทำด้วยยางหรือพลาสติก หลอดและท่อทำด้วยยางวัลแคไนซ์ และอะลูมิเนียมเจือแผ่นบาง

“การถูกตัดสิทธิ GSP ในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าสินค้าไทยจะถูกห้ามส่งออกไปสหรัฐ ไทยยังส่งออกไปได้ปกติ แต่ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ และผลกระทบก็ไม่ใช่ 604 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท เพราะตัวเลขนี้ เป็นตัวเลขที่สหรัฐ นำเข้าสินค้าจำนวน 147 รายการจากไทย แต่ที่กระทบจริง ก็แค่ต้องเสียภาษีเพิ่ม 19 ล้านดอลลาร์  หรือ 600 ล้านบาท”

นายกีรติ บอกด้วยว่า หากสินค้าไทย เน้นคุณภาพ มาตรฐาน สร้างการยอมรับ เชื่อว่า แม้ภาษีจะสูงขึ้น แต่คงไม่มีผลต่อการส่งออก และผู้นำเข้าสหรัฐ ก็จะยังต้องการสินค้าไทยเหมือนเดิม

กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากการระงับสิทธิ GSP เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยแล้ว โดยได้มีแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างหลากหลาย เช่น Online Business Matching หรือการจับคู่ธุรกิจทางออนไลน์ สำหรับสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสหรัฐ และตลาดใหม่ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยในงานแสดงสินค้าในสหรัฐ และตลาดใหม่ การส่งเสริมสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทางออนไลน์ข้ามพรมแดนเข้าสู่ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐ และตลาดใหม่โดยตรง

นอกจากนี้ ยังได้ประสานสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ให้ความช่วยเหลือด้านการส่งออก สินเชื่อ และการเสริมสภาพคล่อง รวมทั้งได้เปิดช่องทางในการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และรับแจ้งเรื่องผลกระทบจากผู้ประกอบการผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อบัญชี “GSP_helper” หรือสายด่วน 1385

5f9d275ef18ff 1
กีรติ รัชโน

นายกีรติ กล่าวว่า กรมฯ ยังได้มีการติดตามผลกระทบจากการที่สหรัฐ ตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยในช่วงปลายปี 2562 และมีผลเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จำนวน 573 รายการ ซึ่งมีสินค้าที่ได้รับผลกระทบจริง 315 รายการ

การตรวจสอบพบว่า การส่งออกสินค้ากลุ่มที่ถูกตัดสิทธิไปสหรัฐ ลดลงประมาณ 10% แต่ยังบอกไม่ได้ว่า เกิดจากการถูกตัด GSP หรือผลกระทบจากโควิด-19 เพราะจากการตามดูสินค้า 1 ใน 20 รายการ ที่ส่งออกไปสหรัฐ ได้เพิ่มขึ้น มี 10 รายการจาก 315 รายการที่ถูกตัดสิทธิ ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องสุขภัณฑ์ ผ้าผืน ธงชาติ เครื่องล้างจาน ผลไม้ เช่น ลิ้นจี้ ลำไย และหัวเทียน แสดงว่าผลจาก GSP ไม่ได้รุนแรง

แต่เมื่อดูรายการที่ลดลงของ 315 รายการ พบว่า มีการส่งออกไปประเทศอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น เช่น แว่นตา ตะปู พัดลม แผงสวิชต์ และควบคุมไฟฟ้า เครื่องจักรสาน น้ำผลไม้ โดยส่งออกไปยุโรป จีน ฮ่องกง และเอเชียเพิ่มขึ้น แสดงว่าผู้ส่งออกมีการปรับตัว หันไปพึ่งพาตลาดอื่นได้ดีขึ้น

ปัจจุบัน สหรัฐให้สิทธิ GSP แก่ทุกประเทศประมาณ 3,500 รายการ มีเงื่อนไขการตัดสิทธิ คือ ระดับการพัฒนามีรายได้ประชาชาติต่อหัวไม่เกิน 12,375 ดอลลาร์ การเปิดตลาดสินค้าและบริการ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การคุ้มครองสิทธิแรงงาน , การกำหนดนโยบายลงทุนที่ชัดเจน ลดข้อจำกัดทางการค้า และการสนับสนุนสหรัฐในการต่อต้านการก่อการร้าย

ในส่วนของไทยมีการใช้สิทธิประมาณ 1,100 รายการ ถูกตัดสิทธิไปแล้ว 315 รายการ จากกรณีสหรัฐกล่าวหาไทยไม่คุ้มครองแรงงาน และ 147 รายการ กรณีไม่เปิดตลาดสินค้าและบริการ รวม 462 รายการ คงเหลือ 638 รายการ ที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo