“ปิยสวัสดิ์” นำทีมกลุ่ม ERS ชี้ไทยอนุมัติสร้างโรงไฟฟ้าพรึ่บ สวนทางความต้องการดิ่ง จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา “สำรองไฟฟ้า” ล้นประเทศ เปิดตลาดเสรี ลดภาระบิล ค่าไฟ ประชาชน
เมื่อวานนี้ (28 ต.ค. 63) นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายมนูญ ศิริวรรณ และนายคุรุจิต นาครทรรพ แกนนำกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS) ได้เปิดเผยข้อเสนอใหม่ ๆ ในการปฏิรูปพลังงาน เนื่องในโอกาสครบรอบ 6 ปี ของการก่อตั้งกลุ่ม ERS
โดยมองย้อนทศวรรษที่ผ่านมาว่า ภาครัฐได้มีการอนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มโดยมิได้ทบทวนแนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าในระยะยาวที่ลดลงอย่างเพียงพอ อันเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหลายช่วง รวมทั้งการคาดการณ์ที่ต่ำเกินไปของการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบใช้เอง (Prosumer) ของภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน ผนวกกับสถานการณ์โควิด-19 “ทำให้เกิดปัญหากำลังผลิตสำรองสูงถึงระดับ 50% เป็นภาระต่อผู้บริโภค” เนื่องจากระบบค่าไฟฟ้าเป็นแบบผ่านส่งต้นทุน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้รับซื้อ ไฟฟ้า เข้าระบบสายส่งเพียงรายเดียว
ERS จึงมีข้อเสนอในหลากหลายมาตรการเพื่อลดผลกระทบในประเด็นดังกล่าว ดังนี้
1. ทบทวนหลักเกณฑ์ทางการเงินในการกำหนดค่าไฟฐาน เพื่อลดค่าไฟฐานและสร้างแรงจูงใจให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่าระบบปัจจุบันที่รับประกันผลตอบแทน
2. ในส่วนของกำลังผลิตใหม่ ให้เร่งเจรจาชะลอการลงทุนและเลื่อนกำหนดการเข้าสู่ระบบ (COD) ของหน่วยผลิตไฟฟ้าใหม่ โดยเฉพาะของเอกชนที่ได้รับอนุมัติโดยมิได้ผ่านการประมูล
3. ในส่วนของกำลังผลิตที่ติดตั้งไปแล้ว ให้ปรับระบบการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าในส่วนที่เรียกกันว่า Merit Order โดยจัดให้โรงไฟฟ้าต่างๆ ทั้งเอกชนและของรัฐแข่งกันเสนอราคาขายที่ต่ำที่สุด ซึ่งอาจจะต่ำกว่าค่าพลังงานที่เคยระบุไว้ในสัญญา
4. รัฐควรใช้เงื่อนไขตามสัญญาเพื่อลดหรือเจรจาลดการซื้อในส่วนที่เป็นสัญญาผูกมัด (Must take) และลดการจ่าย “ค่าความพร้อมจ่าย” ที่สามารถลดได้
5. ไม่ต่อใบอนุญาตที่ไม่จำเป็น
ในด้านการจัดทำ “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP)” ควรปรับปรุงกระบวนการให้ทันสมัย โปร่งใส และมีความยืดหยุ่น สะท้อนความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ให้เกิดการอนุมัติกำลังผลิตที่เกินความจำเป็นและเป็นปัญหาที่ยาวนาน และเพื่อวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จริงจังมากขึ้น อีกทั้งควรให้มีการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ได้ PDP ที่โปร่งใสและสมบูรณ์
เช่น PDP ควรแสดงต้นทุนของโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งเอกชนและ กฟผ. ข้อจำกัดในการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ข้อจำกัดของระบบสายส่งสาย รวมทั้งการวิเคราะห์ทางเลือกต่าง ๆ ในการจัดหา ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการลงทุนโดยรวมที่มีประสิทธิภาพ (Optimization) ระหว่างสายส่งสายจำหน่าย กับการสร้างโรงไฟฟ้าในการจัดทำแผน PDP และแผนการลงทุนในระบบสายส่งสายจำหน่าย
การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ควรผ่านการประมูลแข่งขันด้านราคา โดยมีต้นทุนผันแปรของโรงไฟฟ้าหลักเป็นเพดาน เป็นต้น
ส่วนในระยะยาว ERS มองว่า หากปฏิรูปให้มีตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี สถานการณ์สำรองไฟฟ้าล้นเกินจะทำให้ ค่าไฟ ลดลง แทนที่จะสูงขึ้น ดังนั้น จึงควรเปิดบริการสายส่งสายจำหน่ายไฟฟ้าแก่บุคคลที่สาม (TPA) เช่นเดียวกับที่ได้มีการเปิด TPA ระบบท่อก๊าซธรรมชาติและคลังนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ไปแล้ว การแข่งขันตลอดสายจะทำให้ระบบมีทั้งความมั่นคงและได้ค่าไฟฟ้าที่ต่ำลงสำหรับผู้บริโภค
กลุ่ม ERS จึงเสนอให้เตรียมการออกแบบตลาดไฟฟ้าที่มีทั้งการประมูลค่าพลังงาน ไฟฟ้า และการประมูลค่ากำลังการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้องกันปัญหาค่าไฟพุ่งขึ้นสูงมากในช่วงขาดแคลน โดยมีเงื่อนไขการแบ่งภาระความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้ากับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นช่วงกำลังผลิตสำรองเกิน หรือขาด หรือสมดุล
“ERS ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ทำหน้าที่อย่างอิสระด้วยความโปร่งใส มีความเข้มแข็งในการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน อาทิ ใช้การประมูลแทนดุลพินิจในกรณีที่ทำได้ เปิดเผยรายละเอียดที่มาของค่าไฟฟ้าฐาน เช่น ต้นทุน (ราคารับซื้อ) ของโรงไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ และการคืนเงินค่าลงทุนที่ไม่ได้ใช้จริงใน ค่าไฟ ฐานที่เก็บกับผู้บริโภคไปแล้ว รวมทั้งให้การ ไฟฟ้า ทั้ง 3 เปิดเผยข้อมูลลักษณะเดียวกับที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายงานในแบบ 56-1” นายปิยสวัสดิ์กล่าว
นายปิยสวัสดิ์ ยังกล่าวถึงภาพรวมของการปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืนว่า ERS ขอเสนอให้ไทยกำหนดสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนต่อพลังงานโดยรวม ไม่ต่ำกว่า 50% โดยเร็ว เพื่อให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ ที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็น 0 (Carbon Neutral) ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด รวมทั้งนำระบบ Carbon Tax/Carbon Pricing มาใช้
ด้านปิโตรเลียม ERS ขอเร่งรัดให้พัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมของไทยก่อนที่จะด้อยค่า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ด้วย ได้แก่ การเปิดสัมปทานรอบ 23 การพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา รวมถึงการนำพื้นที่ภาคเหนือที่อยู่ใต้กรมการพลังงานทหารมาอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. ปิโตรเลียม พ.ศ.2560 เพื่อนำผลประโยชน์มาเป็นรายได้ส่วนกลางของรัฐ นอกจากนี้ยังมีประเด็นปฏิรูปอื่น ๆ ที่น่าสนใจด้านท้าย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บัตรคนจน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ อย่าลืม! ลงทะเบียนรับค่าน้ำฟรี-ค่าไฟฟรี
- ‘กกพ.’ ยกเว้นเก็บค่าไฟต่ำสุด ลดภาระต้นผู้ใช้รายใหญ่ถึงสิ้นปี
- ‘การไฟฟ้า’ เฉลยแล้ว! ค่าไฟรีสอร์ท ‘หญิงลี’ แพงเวอร์ เพราะจดมิเตอร์พลาด