“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เผยสินเชื่อสุทธิเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.64 หมื่นล้าน เชื่อทั้งปีมีโอกาสขยายตัวสูงกว่ากรอบ 4.8-5.3%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่อง ของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2561 พบว่า สินเชื่อสุทธิเดือนสิงหาคม 2561 เพิ่มขึ้น 2.64 หมื่นล้านบาท เป็น 11.34 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.23% จากเดือนก่อน และ 5.85% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้คาดว่า ภาพรวมทั้งปีของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ มีโอกาสขยายตัวสูงกว่ากรอบประมาณการที่คาดไว้ที่ 4.8-5.3% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อรายย่อยที่คาดว่าจะโตดีในทุกองค์ประกอบ สินเชื่อเอสเอ็มอีที่เริ่มทยอยฟื้นตัว และการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงท้ายปีที่อาจช่วยกระตุ้นสินเชื่อภาคธุรกิจ
ขณะที่เงินฝากเดือนสิงหาคม 2561 ปรับตัวลดลงเป็น 12.27 ล้านล้านบาท เนื่องจากธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนการเงินให้สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้
แนวโน้มสินเชื่อในปี 2561 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สินเชื่อธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศมีโอกาสขยายตัวสูงกว่ากรอบประมาณการที่คาดไว้ที่ 4.8-5.3% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อรายย่อยที่คาดว่าจะโตดีในทุกองค์ประกอบ ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อที่ได้แรงหนุนจากยอดขายรถใหม่ที่สูงกว่าเป้าหมายเดิม สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่คงเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ ขณะที่สินเชื่อเอสเอ็มอีเริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้การเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงท้ายปีอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นสินเชื่อภาคธุรกิจและบรรเทาผลกระทบจากการชาระคืนหนี้รายใหญ่ลง
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลกระทบต่อการอุปโภคบริโภคและแนวโน้มสินเชื่อรายย่อย จากการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการปรับเพิ่มเกณฑ์การกากับดูแลการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไตรมาสที่ 4 ปีนี้เพื่อควบคุมความเสี่ยงเชิงระบบและภาวะการเก็งกาไรที่อาจไปสู่ปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมในเขตเมือง
สำหรับแนวโน้มเงินฝากในช่วงที่เหลือของปี เชื่อว่าการแข่งขันด้านราคาน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่ธนาคารยังให้ความสาคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนการเงินให้สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้ และการเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงฐานลูกค้ารายใหม่ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในระยะถัดไป