“ไพรินทร์” ปัดตอบคำถามเรื่อง “ค่าโง่โทลล์เวย์” ชี้ต้องรอนโยบายจาก ครม. สัปดาห์หน้า ด้านสหภาพฯ เสนอให้ลดเงินนำส่งเข้ารัฐ เพื่อนำไปจ่ายค่าชดเชยแทน ด้าน ครม.ไฟเขียวตั้ง “สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์” นั่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯ คนใหม่
จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ.932/2561 ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชำระเงินจำนวน 1,790 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย แก่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
เนื่องจากกรมทางหลวง (ทล.) ได้ก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต ซึ่งเป็นทางที่แข่งขันกับทางพิเศษ (ทางด่วน) สายบางปะอิน -ปากเกร็ด ที่ NECL ได้รับสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณจราจรและรายได้ของ NECL ลดลงจากประมาณการนั้น
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมยังไม่ได้รายงานคำพิพากษาดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (25 ก.ย.) เนื่องจากบรรจุเข้าวาระไม่ทัน แต่จะบรรจุเป็นวาระเพื่อทราบในที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้าแทน ขณะนี้กระทรวงคมนาคมยังไม่ได้ให้นโยบายใดๆ แก่การทางพิเศษฯ รวมถึงยังไม่ได้รับทราบข้อเสนอของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) ด้วย
“รอให้ ครม. รับทราบ แล้วก็มีการวิจารณ์ใน ครม. แล้วค่อยตอบคำถาม” นายไพรินทร์กล่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ รองผู้ว่าการฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา การทางพิเศษฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษฯ
สหภาพฯ ขอลดเงินนำส่งรัฐ โปะค่าชดเชย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ย.) เวลาประมาณ 13.30 น. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) พร้อมด้วยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย ประมาณ 200 คน ได้แต่งกายด้วยชุดดำ เดินทางมาที่กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เรียกร้องให้รัฐบาลร่วมรับผิดชอบจ่ายค่าชดเชยจำนวน 1,790 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
นายชายชัญ โพธิ์ทองคำ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) กล่าวว่า สหภาพฯ ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องค่าชดเชย เพราะการก่อสร้างดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในปี 2540 ขณะเดียวกันถ้า กทพ. ต้องรับภาระจ่ายค่าชดเชยเพียงรายเดียว สหภาพฯ ก็เกรงว่าจะกระทบต่อสภาพคล่องขององค์กร รวมถึงความเชื่อมั่นต่อการระดมผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) และแผนการลงทุน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างทางด่วน สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ มูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาท
แนวทางแก้ไขคือ ขอให้ลดวงเงินนำส่งรายได้เข้ารัฐของ กทพ. เหลือ 5-10% ของกำไรทั้งหมด จากปกติอยู่ที่ 40% ของกำไรทั้งหมด เพื่อให้ กทพ. นำส่วนต่างดังกล่าวไปจ่ายค่าชดเชยให้ BEM แทน โดยในปีงบประมาณ 2560 กทพ. ได้นำส่งกำไรให้กระทรวงการคลังทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วยกำไร 40% และวงเงินที่รัฐบาลขอเพิ่มเติม
นอกจากนี้ สหภาพฯ ในฐานะส่วนหนึ่งของหน่วยงาน กทพ. ไม่เห็นด้วยและมีข้อกังวล ถ้าฝ่ายบริหารจะยืดอายุสัมปทานของโครงการทางด่วนขั้นที่ 1 (เฉลิมมหานคร) และขั้นที่ 2 (ศรีรัช) ที่จะสิ้นสุดสัญญา 28 กุมภาพันธ์ 2563 ให้แก่ BEM เพื่อแลกกับการชำระค่าเสียหายดังกล่าว
“ตอนนี้เชื่อว่าฝ่ายบริหารมีแนวทางที่จะหารือกับภาคเอกชนอยู่แล้ว ก็กังวลว่าอาจจะเลือกใช้วิธีต่ออายุสัมปทานทางด่วนที่กำลังจะหมดลงให้กับภาคเอกชนบริหารต่อ เพราะเป็นสัมปทานกับเอกชนรายเดียวกันอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ภาคเอกชนต้องการขอต่ออายุสัมปทาน” นายชาญชัยกล่าว
สหภาพฯ ยืนยันว่าจะคัดค้านการต่ออายุสัมปทาน เพราะต้องการให้พิจารณาด้วยว่าในช่วง 30 ปีของการมอบสัมปทาน ก็มีคดีเกิดขึ้นค่อนข้างมาก ดังนั้นอยากให้ กทพ.นำกลับมาบริหารเอง หรือควรเปิดกว้างให้เอกชนรายอื่นแข่งขันเข้ามารับบริหาร
