Politics

เพจดังแจงยิบ ‘บัตรทองรักษาทุกที่’ ที่คุณยังไม่รู้ อ่านให้ชัดที่นี่เลย!

บัตรทอง รักษาทุกที่ ที่คุณยังไม่รู้ “เพจดัง” แจงยิบ พร้อมแนะศึกษารายละเอียดของนโยบายให้ดี เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว เตือน! อย่าย้ายสถานพยาบาลบ่อย โดยเฉพาะ “โรคเรื้อรัง”

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในการยกระดับระบบสวัสดิการแห่งรัฐ ด้านสาธารณสุข ด้วยการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีประชาชนผู้มีสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) สามารถเข้ารับการรักษาที่ใดก็ได้ และ ยกเลิกการต้องใช้ใบส่งตัวของผู้ป่วย ในกรณีมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่รักษาพยาบาลนั้น

บัตรทอง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Drama-addict ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 2.5 ล้านคน ได้ชี้แจงประชาชนกรณี “บัตรทองรักษาทุกที่” โดยระบุว่า วันนี้พ่อแม่พี่น้องคงเห็นข่าว นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่กันแล้ว อันนี้ฝากถึงพ่อแม่พี่น้อง ก่อนจะย้ายไปรักษา รพ. ที่ตัวเองต้องการ ขอให้ศึกษารายละเอียด ของนโยบายที่ว่าให้ดีๆ ก่อน ไม่งั้นอาจเสียเที่ยวเปล่าๆ ได้

1. นโยบายที่ว่านี้ เริ่มใช้ใน กทม และ ปริมณฑล ยังไม่รวมถึง ตจว. อื่นๆ

2. นโยบายนี้ ที่บอกว่า รักษาที่ไหนก็ได้ เขาหมายถึง สถานบริการระดับปฐมภูมิ เบื้องต้นมี หน่วยบริการชุมชนอบอุ่น คลินิคชุมชนอบอุ่น (ก็ประมาณ รพ.สต. นั่นล่ะ) ไม่ได้รวมถึง รพ. ใหญ่ๆ เช่น รพ.จังหวัด รพ.ศูนย์ อย่าง รามา ศิริราช ราชวิถี แบบนั้นไม่เกี่ยว ดังนั้น จะเดินหิ้วยาไปหาหมอที่ศิริราช รามา แล้วบอกว่า ขอย้ายมารักษาที่นี่ ตามนโยบายรักษาทุกที่ ไม่ได้นะเธอว์ เพราะที่นั่นไม่ใช่ระดับปฐมภูมิ

3. ฝากถึงพ่อแม่พี่น้อง ที่จะย้ายสถานที่รับบริการตามนโยบายนี้ว่า อย่าย้ายบ่อย โดยเฉพาะคนเป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือด มันต้องใช้เวลาในการปรับยา ปรับไลฟ์สไตล์ ปรับการคุมอาหารออกกำลังกาย บางคนหมอไม่เน้นจ่ายยาเยอะ แต่จะพยายามให้คนไข้ปรับแบบนี้ ซึ่งใช้เวลาเยอะกว่า แต่ยั่งยืนกว่า แต่ถ้าคนไข้ไม่เข้าใจแล้วพอเห็นว่า อ้าว น้ำตาลไม่ลง ความดันไม่ลง กูย้ายดีกว่า พอไปเจอสถานบริการที่ใหม่ก็ต้องเริ่มกันใหม่ เสียเวลาโดยใช่เหตุ

แล้วถ้าไปเจอแบบจ่ายยาเยอะๆ ไม่ค่อยแนะนำเรื่องออกกำลังกายคุมอาหาร คนไข้อาจจะถูกใจ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องดีในระยะยาวซักเท่าไหร่ ควรปรึกษา จนท. ก่อนย้ายสถานบริการดีกว่า ถ้าไม่สะดวกไม่ถูกใจจริงๆ ก็ย้ายได้เลย แต่ถ้าตรงนั้นไปมาไม่ลำบาก แต่อยากย้ายเพราะไม่ถูกใจที่หมอไม่จ่ายยาตามที่ต้องการ อันนี้อย่าเลย (เคสแบบนี้มีเยอะมากด้วยนะจะบอกให้)

บัตรทอง

4. ส่วนประเด็นเรื่องไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เขาหมายถึง กรณีเคสแอดมิท ซึ่งอันนี้ดี ต้องชม เพราะระบบที่ผ่านมาจะเป็นแบบ สมมุติ ลุง A ไม่สบายแล้วอยู่ในเมืองพอดี ก็เลยแอดมิทในรพ.จังหวัด แล้วจะใช้สิทธิสามสิบบาท ก็ต้องให้ญาตินั่งรถกลับไปที่อำเภอที่ตัวเองอยู่ แล้วไป รพ.ชุมชนให้หมอออกใบส่งตัวให้ แล้วเอากลับมาที่ รพ.จังหวัดอีกที

ยุ่งยากตาย… อันนี้ควรแก้ไขนานละ ซึ่งการแก้ไขในนโยบายใหม่ที่ยกเลิกอันนี้ไปเลย แล้วใช้ออนไลน์แทนถือว่าดีมาก คนไข้จะสะดวกขึ้นเยอะ

5. แต่ไม่เกี่ยวกับ กรณี เคสไม่สบาย ไป รพ. แล้วหมอคิดว่า ต้องส่งตัวไปเจอหมอเฉพาะทาง หรือส่งไป รพ. ที่มีความพร้อมมากกว่า แบบนั้นยังต้องใช้ใบส่งตัวอยู่ดี (แต่ในอนาคตถ้าเปลี่ยนอันนี้เป็นออนไลน์หมดจะดีมาก)

6. แต่จากข้อ 5 มีข้อยกเว้น คือกรณีเป็นโรคมะเร็ง เขาปรับระบบใบส่งตัวเป็นออนไลน์แล้ว จะได้สะดวกขึ้น

ดังนั้นคนที่อ่านข่าวเมื่อเช้า ขอให้เข้าใจตามนี้ จะได้ใช้นโยบายใหม่ที่ว่าอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความสับสน

สำหรับรายละเอียดการคลายล็อก “บัตรทอง” ที่ “นายกรัฐมนตรี” ประกาศมีดังนี้

1. ประชาชนสามารถรับการรักษาพยาบาลที่ใดก็ได้ โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป ผู้ใช้สิทธิบัตรทองใน กทม. จะสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการชุมชนอบอุ่นในเขตของตัวเองได้ทุกแห่ง และสามารถนัดหมายการเข้ารับบริการล่วงหน้าได้

2. “ผู้ป่วยใน” ไม่ต้องใช้ใบส่งตัวอีกต่อไป นโยบายใหม่นี้หากผู้ป่วยไปรับบริการที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพแล้ว โรงพยาบาลวินิจฉัยว่าต้องแอดมิท (นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล) ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันทีโดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวอีก

3. ประชาชนแจ้งย้ายหน่วยบริการเมื่อใด รักษาที่ใหม่ได้ทันที ที่ผ่านมา เมื่อผู้ใช้สิทธิบัตรทองขอย้ายหน่วยบริการ จะต้องรออีก 15 วัน จึงจะไปรักษาที่หน่วยบริการแห่งใหม่ได้ แต่นโยบายใหม่นี้ ผู้ป่วยไม่ต้องรอ 15 วันอีกต่อไป

4. ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งจะได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและไม่แออัด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK