ถ้าพนักงานมีความรู้สึกผูกพันต่อองค์กร พวกเขาจะทุ่มเท และพยายามสร้างผลงานให้กับองค์กรอย่างจริงจัง แต่ในทางกลับกัน หากพนักงานขาดความผูกพันต่อองค์กร แรงจูงใจในการทำงาน จะต่ำลง
มีหลายวิธีที่จะทำให้พนักงานเกิดความผูกพันในองค์กร เช่น การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรม การให้รางวัลแก่คนที่ควรจะได้รับ หรือการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ในองค์กรให้ทันสมัย และตรงตามความต้องการของพนักงาน
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของปัจจัยภายนอก ซึ่งจะช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในระยะสั้น ๆ เท่านั้น แต่หากองค์กรต้องการสร้างความผูกพันในระยะยาว ก็ต้องหาวิธีทีจะส่งผลต่อความรู้สึกทางใจ มากกว่าทางกายภาพ
หนึ่งในวิธีที่ว่านั้นก็คือ “โค้ชชิ่ง” เราสามารถใช้เป็นเครื่องมือนี้ สร้างความผูกพันทางใจให้กับพนักงานในระยะยาวได้
หัวหน้าจะเป็นผู้เริ่มสร้างความผูกพันนี้กับลูกน้องของตัวเอง ต้องทำให้ลูกน้อง มีความรู้สึกผูกพันต่อตัวหัวหน้า เพราะถ้าลูกน้องผูกพันกับหัวหน้า ลูกน้องจะยินดีทุ่มเทเพื่อให้ผลงานออกมามีคุณภาพ และมีความสุขกับงานที่ทำ จนไม่อยากไปไหน เพราะอยู่ที่นี่มีความสุขดีอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าลูกน้องผูกพันกับหัวหน้า ก็แปลว่า ลูกน้องผูกพันกับองค์กร ทีนี้ ถ้าถามว่าโค้ชชิ่งช่วยให้พนักงานรู้สึกผูกพันต่อหัวหน้าได้ยังไง คำตอบคือ
- รูปแบบการโค้ช
จะมีลักษณะเป็นการสื่อสารสองทาง โดยหัวหน้าจะทำหน้าที่ฟัง และถาม เพื่อชวนให้ลูกน้องคิด ไม่ได้เป็นฝ่ายพูด หรือสั่งการแบบม้วนเดียวจบ ส่วนลูกน้องก็จะมีโอกาสได้พูดจากมุมมองของตัวเอง และคิดหาทางออกด้วยตัวเอง
ดังนั้นการสื่อสารแบบนี้ จะทำให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการสนทนา ไม่เหมือนกับการโดนเรียกไปรับคำสั่ง การโค้ชจึงส่งผลต่อความรู้สึกผูกพันของพนักงาน
- กระบวนการโค้ช
จะทำให้ลูกน้องรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า แม้ในช่วงแรกของการโค้ชอาจพบกับความยากลำบาก ที่ต้องคิดแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จากการตั้งคำถามชวนคิดของหัวหน้า
แต่เมื่อได้รับการโค้ชไปเรื่อย ๆ ลูกน้องจะเริ่มคุ้นเคยกับการฝึกคิด และจะผลิตความคิดได้มากและเร็วขึ้น จนถึงระดับที่ตนเองรู้สึกพอใจกับความคิดของตัวเอง และจะตระหนักว่าตัวเองมีคุณค่า โดยเฉพาะเมื่อได้โค้ชอยู่กับหัวหน้า ที่คอยสนับสนุนให้ตัวเอง แสดงความสามารถออกมา
ดังนั้น ถ้าอยู่ที่ไหนแล้วตัวเองรู้สึกมีคุณค่า ตัวเองก็ไปอยากจากไปที่ไหนอีก
- ในขณะที่หัวหน้าโค้ชลูกน้อง ถือว่าเป็นช่วงที่หัวหน้า และลูกน้องได้มีโอกาสมาใช้เวลาด้วยกันเป็นการส่วนตัว
บรรยากาศในการโค้ชจะแตกต่างจากการประชุม มอบหมายงาน หรือสั่งงาน หัวหน้าจะฟัง และถามมากกว่าพูด หัวหน้าจะไม่เอาความคิดของตัวเองไปครอบงำความคิดของลูกน้อง
ดังนั้น ในขณะโค้ช จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ในเชิงบวกระหว่างกัน
ความสัมพันธ์แบบนี้แหละครับ ถ้าทำอย่างต่อเนื่องกับลูกน้องทุกคน ลูกน้องก็จะรู้สึกมีความสุขและผูกพันกับหัวหน้า และอยากทำงานอยู่ที่นี่อย่างทุ่มเท
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ฝ่าวิกฤติ 9/11 ได้ เพราะไว้ใจในผู้นำ
- ‘โค้ชชิ่ง’ ช่วย ‘ยกระดับผลงาน’ ได้จริงหรือ
- อย่าถาม ‘Why’ ถ้าอยากโน้มน้าวใจให้สำเร็จ