Business

ชงศบค. ‘ลดวันกักตัว-เปิด 17 สนามบิน’ ขับเคลื่อน ‘ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ’

ขับเคลื่อนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บอร์ดขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ เตรียมชง ศบค. ลดวันกักตัว ใช้สนามกอล์ฟเป็นสถานที่กักกัน เปิดสนามบินเพิ่ม รับนักท่องเที่ยวเพิ่ม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ ภายใต้นโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ครั้งที่ 1/2563 เพื่อ ขับเคลื่อนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ขับเคลื่อนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ทั้งนี้ เป็นการประชุม คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพฯ ครั้งแรก หลังได้รับการแต่งตั้ง ตามมติ คณะกรรมการอำนวยการ เพื่อพัฒนาประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) เพื่อกำหนดกรอบนโยบาย และแนวทางการดำเนินงาน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่อง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อกระจายรายได้ ไปสู่ผู้ประกอบการในประเทศ และคงความปลอดภัย

ในที่ประชุม มีมติเห็นชอบในหลักการ ที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มาใช้บริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ 4 แนวทางได้แก่

  • การลดจำนวนวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน ตามข้อเสนอของกรมควบคุมโรค
  • การดำเนินงานสถานกักกันในสนามกอล์ฟ (Golf Quarantine)

อนุทิน ชาญวีรกูล

การดำเนินงานสถานกักกันในสนามกอล์ฟ (Golf Quarantine) ซึ่งเป็นสถานกักกันใน กิจการเพื่อสุขภาพ กลุ่มที่ 3 ต่อจากกลุ่มสปาทางการแพทย์/รีสอร์ทเพื่อสุขภาพ/สปารีสอร์ท และกลุ่ม Long Term Care สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งมีชาวต่างชาติให้ความสนใจจำนวนมาก จะใช้มาตรการเดียวกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาฃ

นั่นคือ ต้องมีการนัดหมายจองสถานที่ล่วงหน้า มีผลตรวจปลอดเชื้อโควิด 19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ระหว่างกักตัว 14 วัน มีการตรวจคัดกรอง 3 ครั้ง จัดระบบการเล่นกอล์ฟ ต้องยึดหลักเว้นระยะห่าง การทำความสะอาดยานพาหนะ อุปกรณ์ และสถานที่ คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 1 แสนบาทต่อราย

  • เห็นชอบการท่องเที่ยวแบบ Exclusive Travel Area (ETA)

การท่องเที่ยวแบบ Exclusive Travel Area (ETA) จะให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กักกันตัวในพื้นที่เฉพาะ (Area Quarantine) และสามารถท่องเที่ยวในช่วงเวลากักตัว 14 วัน ได้ในเส้นทางที่กำหนด ซึ่งจะนำร่องในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 6 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงราย บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี และกระบี่

บอร์ดเศรษฐกิจสุขภาพ

ทั้งนี้ จะคัดเลือกนักท่องเที่ยว ที่มาจากประเทศ หรือเมืองที่มีความเสี่ยงต่ำ มีระบบการจัดการระบาด ของโรคโควิด 19 ที่ดี มีผลการตรวจว่าปลอดเชื้อโควิด 19 ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ผ่านการกักกันตนเองที่บ้าน ก่อนเดินทางในระยะเวลาที่กำหนด

เมื่อถึงประเทศไทย มีการคัดกรอง และตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาเชื้อโควิด 19 จำนวน 3 ครั้ง โดยจะจัดให้มีสายการบินตรงไปยังพื้นที่ มีระบบ Seal นักท่องเที่ยว และกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวไว้ เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการในจังหวัด ที่พัก ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว สถานพยาบาลต้องความพร้อมในการรักษา และมีระบบการติดตามตัว

  • เปิดสนามบินนานาชาติ และสนามบินในประเทศ 17 แห่ง

ที่ประชุมได้เห็นชอบหลักการ เปิดสนามบินนานาชาติ และสนามบินในประเทศเพิ่มเติม จำนวน 17 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) ท่าอากาศยานสมุย ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานตราด ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน

Holiday ๒๐๑๐๒๓

ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี ท่าอากาศยานอุดรธานี ท่าอากาศยานขอนแก่น ท่าอากาศยานกบินทร์บุรี ท่าอากาศยานพิษณุโลก ท่าอากาศยานแม่สอด ท่าอากาศยานระนอง ท่าอากาศยานนครพนม ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานหาดใหญ่

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ เปิดด่านทางบกเพิ่ม 2 แห่ง ได้แก่ ด่านบ้านแหลม และด่านบ้านหาดเล็ก เพื่อมาจังหวัดจันทบุรี และด่านทางน้ำ 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรีและระยอง และท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง เพื่อรองรับชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลด้วยโรคอื่น และเข้ามาท่องเที่ยว

ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้เปิดบริการ ศูนย์บริการข้อมูลสุขภาพ (Counter Service) ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยและผู้ติดตามชาวต่างชาติ

พร้อมกันนี้ ได้พิจารณาให้จัดหาสายการบินเพิ่มเติม เพื่อเตรียมรับผู้ป่วย และผู้ติดตามประมาณ 2700 ราย ที่จะเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลใน Alternative Hospital Quarantine โดยทั้งหมดจะเสนอ ศบค. เพื่อพิจารณาต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo