Business

SCB กำไรไตรมาส 3 ร่วง 69% เหตุหนี้เสียเพิ่ม ตั้งสำรอง 1.3 หมื่นล้าน

ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อย หรือ SCB มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปี 2563 จำนวน 4,641 ล้านบาท ลดลง 69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการตั้งเงินรองปกติที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้และการเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายการกําไรพิเศษครั้งเดียวจากการขายหุ้นในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต

หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวกําไรสุทธิลดลง 56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กําไรจากการดำเนินงานยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิ  22,252 ล้านบาท ลดลง 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาส 3 ของปี 2563 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 23,724 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยหลังจากที่ธนาคารได้ขายหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตในปีที่ผ่านมา และการหดตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ซึ่งเป็นผลส่วนใหญ่จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี ในขณะที่สินเชื่อโดยรวมโดยรวมขยายตัว 1% จากช่วงเดียวของปีก่อน และ 3% จากสิ้นปี 2562

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 10,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมกําไรพิเศษครั้งเดียวจากการขายหุ้นในบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิตในปีก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายหลังการผ่อนคลายมาตรการปิดเมอื ง ทำให้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยประเภทเกิดประจำ (recurring) ในไตรมาส 3 ของปี 2563 เริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นโดยเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 15,747 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการที่ธนาคารสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตามรายได้รวมของธนาคารยังคงได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดโควดิ -19 ส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ของธนาคารในไตรมาส 3 ของปี 2563 ปรับสูงขึ้นเป็น 46%

นอกจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพตามปกติ ธนาคารได้ทำการประเมินคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อทั้งอย่างรอบคอบ เพื่อทำการจัดชั้นลูกหนี้เชิงคุณภาพในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง และมีแนวโน้มสูงที่จะฟื้นตัวไม่ได้ภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ส่งผลให้อัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ณ สิ้นเดือนก.ย. 2563 อยู่ที่ 3.32% เพิ่มขึ้นจาก 3.05% ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2563

เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกจิ และคุณภาพสินเชื่อที่อาจด้อยลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควดิ -19 ในไตรมาส 3 ของปี 2563 ธนาคารได้ตั้งสำรองจำนวน 12,955 ลา้ นบาท โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสญูต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารยังอยู่ในระดับสูง 146% ในขณะทที่เงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.7%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที1บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่าแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นสัญญาณฟื้นตัว แต่ทิศทางการฟื้นตัวยังมีความไม่แน่นอนและมีความแตกต่างในแต่ละภาคส่วน

ตั้งแต่การเริ่มระบาดของโควดิ -19 ธนาคารได้ให้การช่วยเหลือลูกค้าแล้วกว่า 1.1 ล้านราย คิดเป็นยอดสินเชื่อภายใต้โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรวมประมาณ 840,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 ลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ

ราคาหุ้น SCB ปิดตลาดเมื่อวันที่ 20 ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.82% อยู่ที่ 61.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,073.60 ล้านบาท

อ่านเพิ่มเติม คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2563

Avatar photo