Politics

‘ประชาธิปัตย์’ ประกาศจุดยืนพรรค เทิดทูนสถาบัน ชาติ พระมหากษัตริย์

“พรรคประชาธิปัตย์” ประกาศจุดยืนเทิดทูนสถาบัน ชาติ พระมหากษัตริย์ ลั่นเป็นอุดมการณ์ตั้งแต่ตั้งพรรค

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีการหารือสองประเด็น คือ

1. การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

2.สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน

Ekmq5CAVoAAzpKz

โดยที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีมติให้ความเห็นชอบส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและสมาชิกจังหวัดใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดสงขลา โดยพรรคมีมติส่ง “ว่าที่ร้อยตรีไทยเจน มากสุวรรณ์” ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส่วนจังหวัดสตูล พรรคมีมติส่ง “นายเกษชาติ เกศา” ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง

สำหรับเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดมาโดยลำดับ พรรคมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันเช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่มีผลกระทบต่อสถาบัน พรรคประชาธิปัตย์จึงขอประกาศจุดยืนของพรรคให้ทราบดังต่อไปนี้

1.พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

“พรรคประชาธิปัตย์เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นอุดมการณ์ ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์มาเมื่อปี 2489 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงยึดมั่นไม่มีเปลี่ยนแปลง”

2.พรรคเห็นว่าการแก้ปัญหาทางการเมืองในปัจจุบันควรใช้แนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะโดยฝ่ายใดก็ตาม

3.พรรคเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองควรจะได้มีการใช้รัฐสภาเป็นเวทีหาทางออกให้กับประเทศ ภายใต้การรับฟังและการแสวงหาความร่วมมือ ร่วมใจ และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์

“โดยมีความเห็นเพิ่มเติมที่เป็นรูปธรรมว่า ต่อสถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลควรจะได้เป็นเจ้าภาพในการเปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อให้สามารถดำเนินสิ่งที่รัฐสภาจะได้เป็นที่หาทางออกให้กับประเทศได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ ประการที่หนึ่ง เห็นว่า ควรจะใช้เวทีรัฐสภาในการเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายจุรินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ เห็นควรให้มีการเร่งดำเนินการเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการในทันทีที่สามารถทำได้ และไม่ควรมีเงื่อนไขใดๆ ที่จะนำไปสู่การทำให้สังคมเกิดความเข้าใจว่า มีการยื้อเวลาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่จะนำไปสู่การทำประชามติก่อนรับหลักการในวาระที่หนึ่งเพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ได้ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ สามารถดำเนินการได้และจะต้องทำประชามติก็ต่อเมื่อได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาในวาระที่สามไปแล้วก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เท่านั้นที่จำเป็นจะต้องนำไปสู่การทำประชามติ

ประการที่สอง พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าควรจะได้มีการใช้มาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญเป็นการแสวงหาทางออกให้กับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ระบุว่าให้คณะรัฐมนตรีสามารถเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาโดยไม่มีการลงมติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศและหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่จำเป็นได้

ประการที่สาม พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าภายหลังจากการรับฟังความเห็นของของทุกฝ่ายควรจะได้มีการตั้งคณะทำงานหรือตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมารับฟังความเห็นและแสวงหาทางออกร่วมกันกับภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้านสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ต้องการให้ความร่วมมือในการแสวงหาทางออกของประเทศร่วมกัน

“เพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นจริงได้ นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องของพรรคในคณะรัฐบาลจะได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับคณะรัฐมนตรีแล้ว ในส่วนของสภาก็จะได้มอบหมายให้วิปของพรรคไปหารือกับวิปของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้มีความเห็นร่วมกันในการที่จะดำเนินการตามแนวความคิดนี้ต่อไปเพื่อหาทางออกร่วมกันให้กับสถานการณ์ของบ้านเมืองและสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบันให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย” นายจุรินทร์ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo