Politics

สภานักศึกษา 7 มหาวิทยาลัย ประณามสลายม็อบ จี้ยกเลิกประกาศฉุกเฉิน

สภานักศึกษา 7 มหาวิทยาลัย ร่อนแถลงการณ์ ประณามการสลายม็อบ ไม่เป็นไปตามหลักสากล เรียกร้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตำรวจยันทำตามขั้นตอนสากล

จากเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 16 ตุลาคม 2563 บริเวณสี่แยกปทุมวัน และนำมาซึ่งการสลายการชุมนุม ด้วยการฉีดน้ำ และน้ำผสมแก๊สน้ำตา ล่าสุด สภานักศึกษา 7 มหาวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาล ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง โดยระบุว่า

สภานักศึกษา 7 มหาลัย

แถลงการณ์ สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล สภานิสิต องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภานิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ และสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เรื่อง ประณามการสลายการชุมนุมในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 บริเวณแยกปทุมวัน และบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสยาม

ตามที่ได้มีการชุมนุมของกลุ่ม “คณะราษฏร 2563” บริเวณแยกปทุมวัน และบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสยาม ในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุม ส่งผลให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ผู้เข้าร่วมชุมนุม ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากนั้น

ผู้แทนนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่ง เห็นว่าการชุมนุมดังกล่าว แม้เป็นการชุมนุมภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่มีความร้ายแรง แต่การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ และก็มิได้มีการใช้ความรุนแรง จากกลุ่มผู้ชุมนุม แต่อย่างใด

สภานักศึกษา 7 มหาลัย

อีกทั้งผู้ชุมนุมเป็น เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ในการควบคุมประชาชน ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักสากล และหลักมนุษยธรรม ในการควบคุมฝูงชน และการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุม

อย่างไรก็ตาม การสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้น ในเย็นวันที่ 16 ตุลาคม 2563 มิได้เป็นไปตามหลักสากล ในการควบคุมฝูงชนแต่อย่างใด มีการใช้รถฉีดน้ำผสมสารเคมีแรงดันสูง เพื่อขอคืนพื้นที่ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมการชุมนุม ในบริเวณดังกล่าว เป็นจำนวนมาก เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง และดวงตา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ ในวันและช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ไม่เป็นไปตามการควบคุมสถานการณ์ ตามหลักสากล

ผู้แทนนิสิตมหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่ง จึงขอประณามการสลายการชุมนุม อันไร้มนุษยธรรมที่เกิดขึ้น การสลายการชุมนุมด้วยวิธีการดังกล่าว นอกจากจะส่งผลให้เกิดความแตกแยกในสังคมแล้ว ยังส่งผลทำให้เกิดความสูญเสีย ที่ไม่จำเป็นอีกจำนวนมาก

จึงขอเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ให้ปฏิบัติตามหลักสากล และหลักมนุษยธรรม ในการควบคุมฝูงชน ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง เนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็น และ เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในการชุมนุม เพื่อให้ประเทศไทย มีความสงบสันติ ตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป

ม็อบปทุมวัน e1602855053901

ด้าน กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) ชี้แจงว่า เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ได้มีการใช้น้ำฉีด และใช้แก๊สน้ำตา ประเภทสารเคมีผสมน้ำ ซึ่งเป็นไปตามหลักการสากล

กอร.ฉ. ชี้แจงว่า ที่ปรากฏเห็นเป็นน้ำสีต่าง ๆ จากรถฉีดน้ำ คือ การนำสี ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย มาผสมกับน้ำ โดยสีต่าง ๆ ที่ใช้ผสมลงไปในน้ำ เป็นเพียงสีธรรมดาเท่านั้น เป็นการใช้จิตวิทยา ให้ผู้ชุมนุมเกิดความกลัว และสีดังกล่าว ล้างออกยาก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถแยกผู้ชุมนุม ออกจากประชาชนทั่วไปได้

ทั้งนี้ ในหลายประเทศ ก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน ส่วนกรณีที่มีการใช้สารเคมีผสมน้ำ ฉีดพ่นกระจายเป็นวงกว้างนั้น สารเคมีดังกล่าว คือ แก๊สน้ำตาประเภทหนึ่ง โดยสารที่สัมผัส ผู้สัมผัสจะไม่ได้รับอันตราย มีเพียงอาการแสบตาชั่วครู่ และ แสบระคายเคืองผิวหนังเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการผสมสารเคมี ประเภทกรด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดให้สารเคมีดังกล่าว เป็นอุปกรณ์ประจำกองร้อยควบคุมฝูงชน ซึ่งการจัดซื้อ จะต้องเป็นสารเคมีที่มีมาตรฐานสากล ผ่านการทดสอบ ได้รับการยอมรับ ในเรื่องการควบคุมฝูงชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ จะต้องผ่านการฝึกอบรมตามที่กำหนดไว้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo