หากมีเงินลงทุนในแต่ละเดือนระดับพันบาท แต่ต้องการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 5 อันดับแรกจะต้องทำอย่างไร
มีเงินลงทุนน้อยก็สามารถลงทุนในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ได้ ด้วยวิธีลงทุนแบบ DCA ซึ่งจะช่วยต่อยอดสร้างผลตอบแทนทบต้นให้โดยอัตโนมัติ
เลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเป็นประจำ และทยอยสะสมหุ้นไปเรื่อยๆ จะทำให้ได้รับกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือเป็นรายได้ส่วนเพิ่ม (Passive Income) ได้อีกด้วย
หากถามว่า “อยากซื้อหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ และมีผลประกอบการดีๆ มาเก็บไว้ในพอร์ตหรือเปล่า” คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะหุ้นที่มีคุณสมบัติดังกล่าว สามารถลงทุนในระยะยาวได้อย่างสบายใจ เนื่องจากมีโอกาสได้รับกำไรส่วนต่างจากราคาหุ้น (Capital Gain) อีกทั้งยังมีปัจจัยพื้นฐานด้านอื่นๆ ที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตในการดำเนินธุรกิจที่ดี จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (Dividend) เมื่อบริษัทมีกำไรอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ก็มีคำถามตามมาว่า หากมีเงินลงทุนในแต่ละเดือนระดับพันบาท แต่ต้องการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 5 อันดับแรกจะต้องทำอย่างไร เพราะราคาหุ้นบางตัวได้ทะลุร้อยบาทไปแล้ว เช่น หุ้น SCC ที่ซื้อขายกันที่ราคาประมาณ 344 บาทต่อหุ้น ถ้าซื้อ 100 หุ้นต้องใช้เงินประมาณ 34,400 บาท
ดังนั้น หากเงินลงทุนเริ่มต้นยังไม่มาก ทางออกที่น่าสนใจคือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average : DCA) ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนแบบสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กัน โดยอาจลงทุนเป็นรายเดือน หรือ รายไตรมาส แล้วแต่จะกำหนดความถี่ในการลงทุน ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้ได้ซื้อหุ้นทั้งในช่วงที่สภาวะการลงทุนดีและไม่ดี โดยไม่สนใจว่าราคาของหุ้นที่เลือกลงทุนตอนนั้นเป็นราคาเท่าไร จึงส่งผลให้ได้ราคาต้นทุนแบบถัวเฉลี่ย และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
หมายเหตุ : ตัวอย่างข้างต้นเป็นการทดลองลงทุนในหุ้นผ่านเครื่องมือ DCA Simulation ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 – 30 กันยายน 2563 เป็นเงินจำนวน 2,000 บาทต่อเดือน โดยระบบจะคำนวณจำนวนหุ้นให้ใกล้เคียงกับมูลค่าที่ระบุมากที่สุด (ไม่ได้กำหนดว่าซื้อครบ Board Lot หรือ 100 หุ้น) รวมทั้งจะคำนวณสรุปผลการลงทุนจาก Adjusted Price และคำนวณเงินปันผลเฉพาะการจ่ายปันผลประเภทเงินปันผลเท่านั้น
การลงทุนแบบ DCA นอกจากเป็นการทยอยลงทุนแล้ว ยังช่วยตัดอารมณ์ความรู้สึกเวลาที่ราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ ออกไปได้ รวมถึงทำให้ลงทุนได้แบบอัตโนมัติไปเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายเป็นจำนวนเงินที่ต้องการลงทุนเป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นการสร้างวินัยในการออมอีกด้วย
ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่ง ที่ให้บริการการลงทุนแบบ DCA โดยจะหักเงินจากบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ เพื่อนำเงินไปลงทุนในหุ้นที่ได้เลือกไว้ว่าจะลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ ทำให้ได้หุ้นที่มีราคาต้นทุนเฉลี่ยจากทุกสภาวะตลาด
ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA อีกอย่างหนึ่ง คือ มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ เหมาะกับผู้ที่มีเงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก แต่ต้องการสะสมหุ้นเพื่อให้เงินทำงาน และได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินไว้เฉยๆ ในธนาคาร
อีกทั้ง ไม่ต้องใช้เวลาในการติดตามข่าวสารหรือราคาหุ้นในตลาดมากนัก แต่อาจต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันในการเลือกหุ้นพื้นฐานดีก่อนตัดสินใจลงทุน จากนั้นก็คอยติดตามข่าวสารอยู่ห่างๆ เผื่อมีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้หุ้นที่เลือกลงทุนมีปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงคอยดูโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าในช่วงราคาหุ้นขาลง เพราะใช้เงินลงทุนเท่าเดิม แต่ได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยลดการขาดทุนหนักๆ ได้หากราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใดนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
ฐิติเมธ โภคชัย
ผู้บริหารงาน ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
www.set.or.th
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ราคาทองวันนี้ 8 ต.ค. ร่วง 50 บาท รูปพรรณแตะ 28,400 บาท
- ‘หุ้นเอเชีย’ ทะยานตาม ‘ดาวโจนส์’ รับ ‘ทรัมป์’ เปลี่ยนใจหนุนมาตรการเศรษฐกิจ
- เปิดรอบ 3 วันนี้! 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ รีบสมัครด่วน