Business

โควิดลากยาว ม็อบยืดเยื้อ ‘เซ็นจูรี่ 21’ ชี้ ซ้ำเติมเศรษฐกิจ-อสังหาฯ

โควิดลากยาว ม็อบยืดเยื้อ เซ็นจูรี่ 21 หวั่นซ้ำเติมเศรษฐกิจ และภาคอสังหาฯ ยิ่งทรุดหนัก จากกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง แบงก์คุมเข้มปล่อยกู้

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ โควิดลากยาว ม็อบยืดเยื้อ คาดว่าจะยิ่งทำลายเศรษฐกิจภายในประเทศ และทำให้ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยิ่งทรุดหนักลงไปอีก

โควิดลากยาว ม็อบยืดเยื้อ

ทั้งนี้เพราะ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถผลิตวัคซีน มาใช้ควบคุมโรคได้ และยังไม่มีความชัดเจนว่าวิกฤติครั้งนี้ จะลากยาวไปแค่ไหน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น

ขณะที่ สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่เริ่มยืดเยื้อ และเป็นการชุมนุมที่บริเวณศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จะยิ่งทำลายเศรษฐกิจภายในประเทศยิ่งกว่าโควิด-19

นอกจากนี้ ยังจะส่งผลให้ปัญหาสภาพคล่องของภาคธุรกิจ เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น มีแนวโน้มของการเลิกจ้างงาน การลดเงินเดือนหรือรายได้อื่นๆ ของพนักงาน ไปจนถึงการปิดกิจการ การขายกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย ซึ่งผูกติดอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม คงได้รับผลกระทบ หนักหน่วงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ความเข้มงวด ของสถานบันการเงิน ที่กังวลต่อปัญหา หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

1360045
กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์

อีกทั้งยังมีจำนวนคอนโดมิเนียมคงค้าง อยู่ในตลาดพอสมควร ทำให้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ การแข่งขันเพื่อช่วงชิงยอดขายจะยิ่งรุนแรงขึ้น โดยการจัดแคมเปญโปรโมชั่นอย่างหนัก โดยเฉพาะในเรื่องของราคา เพื่อเร่งระบายสต็อก เติมสภาพคล่องให้กับบริษัท

จากแนวโน้มดังกล่าว จึงเชื่อว่า ยอดขายในช่วงปลายปี อาจจะยังไม่กระเตื้องเท่าที่ควร เนื่องจากกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง จากภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น อีกทั้งสินค้าที่มีอยู่ในตลาดไม่สอดคล้องกับรายได้ของผู้บริโภค ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (real demand)

ขณะเดียวกัน ในส่วนของผู้ประกอบการหลายราย ที่ถือครองที่ดินเพื่อรอการพัฒนา โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จะเริ่มมีปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น หลายโครงการต้องชะลอโครงการ หรือประกาศขายโครงการ ในเวลาที่ไม่มีใครพร้อมซื้อเช่นกัน

fig 22 05 2020 11 39 46 e1590147764778

นายกิติศักดิ์ กล่าวว่า ภาคอสังหาฯ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ต ในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) กระบี่ เชียงใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบก่อน เป็นอันดับแรก เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก และมีการประกาศปิดกิจการและขายกิจการในช่วงที่ผ่านมา

ปัจจุบัน เริ่มเห็นภาพทุนต่างชาติ ที่เคยเข้ามาซื้อกิจการโรงแรม รีสอร์ตในภูเก็ต หรือสมุย ช่วงก่อนหน้านี้ จะเริ่มทยอยเปลี่ยนมือ เพราะเริ่มรับภาระไม่ไหว ซึ่งจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในไตรมาส 2 ปีหน้า

“ผู้ประกอบการกำลังตกอยู่ในสภาวะ “กลับตัวก็ไม่ได้ จะไปต่อไปก็ไปไม่ถึง” ซึ่งต้องมาพิจารณากันว่า จะต้องใช้กลยุทธ์อะไร ในการจัดการกับของที่เหลืออยู่ในตลาด เช่น เงื่อนไขทางการเงิน ราคา ความหยืดหยุ่นในการเข้าถึงสินเชื่อ”นายกิติศักดิ์ กล่าว

ส่วนการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ จะต้องตีโจทย์ให้แตกว่า กลุ่มเป้าหมายควรเป็นกลุ่มไหน ในเมื่อกลุ่ม Middle Segment ในตอนนี้ได้รับผลกระทบ จะขยับไปกลุ่ม Hi-End/Luxury หรือมองกลับมาที่กลุ่ม Affordable/Budget Segment รวมถึงการสนับสนุนของสถาบันการเงินก็มีส่วนสำคัญ”

AD

สำหรับทิศทางการพัฒนา ในตลาดที่อยู่อาศัยขณะนี้ ผู้ประกอบการหลายราย เริ่มหันกลับมาให้ความสนใจตลาดในกลุ่มกลาง-ล่าง ที่เรียกว่า Budget Segment ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยเริ่มทำงาน ที่ต้องการเริ่มต้นสร้างครอบครัว แต่ยังมีรายได้ไม่สูงนัก รวมทั้งยังไม่มีภาระหนี้มาก

ดังนั้น จะได้เห็นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้กลุ่ม Budget Segment สามารถซื้อและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น และยังสามารถรองรับกลุ่มรายได้ปานกลาง ซึ่งวันนี้อาจมีรายได้ที่ลดลง จึงทำให้การเลือกซื้อที่อยู่อาศัย จะต้องคำนึงถึง ราคา และเงื่อนไขทางการเงิน ความสามารถในการผ่อนชำระเป็นสำคัญ

สำหรับที่ดินที่เหมาะจะพัฒนาโครงการใน Budget Segment จะอยู่ทำเลนอกเมืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องเป็นทำเลที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้า-ออกเมืองได้ง่ายหลายช่องทาง เช่น อยู่ใกล้ถนนสายหลัก ใกล้ทางด่วน หรืออยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า ที่ปัจจุบันกำลังขยายเส้นทางออกไปสู่นอกเมืองในหลายเส้นทาง และเป็นทำเลที่มีแหล่งงานรองรับ

AD1

ทำเลที่น่าสนใจ จะอยู่ในจังหวัดปริมณฑล ประกอบด้วย

1. ปทุมธานี ทำเลที่น่าสนใจ ได้แก่ ลาดหลุมแก้ว/ลำลูกกา บางพูน

2. นนทบุรี ทำเลที่น่าสนใจได้แก่ บางกรวย-ไทรน้อย วัดลาดปลาดุก บางบัวทอง-สุพรรณบุรี /ตลิ่งชัน

3. สมุทรปราการ ทำเลที่น่าสนใจได้แก่ ประชาสามัคคี พระสมุทรเจดีย์ ตำหรุ-บางพลี (คลองขุด) แพรกษา

ส่วนทำเลในต่างจังหวัด ได้แก่ พื้นที่ 3 จังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ในพื้นที่การลงทุนต่าง ๆ ของอีอีซี และจุดที่เป็นสถานีรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น

ในส่วนของทำเลที่น่าสนใจใน 3 จังหวัดอีอีซี ได้แก่ 1. ชลบุรี บ่อวินไปจนถึงหนองใหญ่ และเส้นนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร-บายพาส 2. ฉะเชิงเทรา ได้แก่ เส้นบางปะกง-ฉะเชิงเทรา บ้านโพธิ์ แปลงยาว (ตรงรอยต่อชลบุรี) 3.ระยอง ได้แก่ มาบตาพุด บ้านฉาง ปลวกแดง เส้นทางหลวง 36 เส้นเลี่ยงเมืองสัตหีบ เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo