จากผลการแข่งขันที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี 2-0 ในเกมนัดที่ 31 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 ก.ย. 61 ที่ผ่านมา ทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” คว้าแชมป์ไทยลีก ฤดูกาล 2018 ไปครองอย่างเป็นทางการแล้วแม้จะยังเหลืออีก 3 เกมในฤดูกาลนี้ก็ตาม
แม้ว่า 3 เกมสุดท้ายบุรีรัมย์ฯ จะแพ้ทั้งหมดแล้ว แบงค็อก ยูไนเต็ดที่ขณะนี้มี 66 แต้มชนะรวด 4 เกมสุดท้ายของตัวเอง จะทำให้มี 78 แต้มเท่ากับ บุรีรัมย์ แชมป์ก็ยังจะเป็นของ “ปราสาทสายฟ้า” เนื่องจากเฮดทูเฮด บุรีรัมย์ฯ ในการพบกับ แบงค็อกฯ ทำได้ดีกว่า เลกแรก เสมอ 2-2 (ย) ,เลกสอง ชนะ 2-1 (ห) ทำให้บุรีรัมย์ฯคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย 6 สมัย ( เอสซีจี เมืองทองฯ 4 สมัย) พร้อมได้สิทธิ์เล่นฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย “เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก” ฤดูกาล 2019 ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยอัตโนมัติ
ขณะที่จากผลการแข่งขัน เอสซีจี เมืองทองฯ บุกแพ้ ชัยนาท ฮอร์นบิล 1-2 ทำให้แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับ 2 ขณะนี้ ที่จะมีโปรแกรมเตะวันอาทิตย์ที่ 23 ก.ย. 61 พบกับ สุโขทัย เอฟซี การันตีรองแชมป์แน่นอนแล้วหลังขณะนี้พวกเขามี 66 แต้มจาก 30 นัด ส่วน เอสซีจี เมืองทองฯ เตะไป 31 นัดมี 54 แต้มโดย แบงค็อกฯ จะได้เล่นเอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก 2019 ในรอบเพลย์ออฟ
นอกจากนี้ จักรพันธ์ แก้วพรม กองกลางจอมเทคนิคของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังสร้างสถิติคว้าแชมป์ไทยลีกมากที่สุด 7 สมัย โดยได้แชมป์ในปี 2010 กับเอสซีจี เมืองทองฯ และ อีก 6 ครั้งกับ”ปราสาทสายฟ้า” ในปี 2011, 2013, 2014, 2015, 2017, 2018
ส่วน สุเชาว์ นุชนุ่ม กับ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กวาดแชมป์ไทยลีก 6 สมัย โดยทำได้กับ “ปราสาทสายฟ้า” ทั้งหมดในปี 2011, 2013, 2014, 2015, 2017, 201