Business

‘ช้อปดีมีคืน’ กับ ‘คนละครึ่ง’ ถ้ามีสิทธิทั้งคู่ เลือกอะไรดี อ่านที่นี่!

ช้อปดีมีคืน กับ คนละครึ่ง คนมีสิทธิทั้งคู่ แต่ต้องเลือกใช้ได้มาตรการเดียว เพื่อประโยชน์สูงสุด ต้องเลือกให้เหมาะสม คุ้มค่ามากที่สุด ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

หลังจากภาครัฐ โดย กระทรวงการคลัง ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวม 3 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการ ช้อปดีมีคืน, โครงการคนละครึ่ง และ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเห็นได้ว่า ช้อปดีมีคืน กับ คนละครึ่ง ผู้ที่สามารถใช้สิทธิได้ทั้งสองมาตรการ คือ ผู้ที่มีรายได้ และต้องเสียภาษี สามารถใช้ได้ทั้งสองมาตรการ แต่ต้องเลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

ช้อปดีมีคืน กับ คนละครึ่ง

ก่อนอื่น มาดูกันก่อนว่า ทั้งสองมาตรการนี้ คืออะไร เหมาะกับใคร

  • ช้อปดีมีคืน

มาตรการ ช้อปดีมีคืน มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภค ในประเทศ โดยสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี และประชาชนผู้ที่มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมการอ่าน อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ดังนั้น มาตรการช้อปดีมีคืน นอกจากจะมุ่งกระตุ้นให้เกิดการจับจ่าย เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีแล้ว ยังเน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการ ที่อยู่ในระบบภาษี โดยไม่มีข้อกำหนดใด ๆ ในเรื่องขนาด ผู้ประกอบการ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทุกราย ล้วนแล้วอยู่ในข่ายที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการทั้งสิ้น

โครงการช้อปดีมีคืน เป็นการใช้เงินตัวเอง ในการซื้อสินค้า จากร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีฉบับเต็มได้ จากนั้นให้นำใบเสร็จมาลดหย่อนภาษีในปีหน้า โดยสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 23 ตุลาคม จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 นี้

คนที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ คือ

คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้ทั้งปีเกิน 310,000 บาท และต้องการซื้อหนังสือ, สินค้าโอทอป, ซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการ จากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้

คนที่มีฐานภาษีอัตราสูง จะได้รับประโยชน์มากกว่า เพราะจะได้รับส่วนลดจากการซื้อสินค้ามากกว่า เช่น หากซื้อสินค้า 10,000 บาท คนที่มีฐานภาษี 5% จะได้ลดหย่อนภาษีเพียง 500 บาท ขณะที่คนมีฐานภาษี 30% จะได้ลดหย่อนภาษี 3,000 บาท

ดังนั้นคนที่มีฐานภาษีไม่สูงมาก เช่น 5% หรือ 10% อาจยอมเลือกเสียภาษีตามปกติ แล้วพิจารณาลงทะเบียนเข้าโครงการ คนละครึ่ง แทน

shopping online ๒๐๑๐๑๕

การเข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อลดหย่อนภาษี ควรพิจารณาว่า จำเป็นต้องซื้อสินค้า เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีมากน้อยแค่ไหน เพราะก่อนจะนำไปลดหย่อนได้ ต้องจ่ายเงินซื้อสินค้ามากกว่าส่วนลดภาษีที่จะได้รับ

ดังนั้น หากตั้งใจจะซื้อสินค้าอยู่แล้ว ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลดหย่อนภาษีไปในตัว แต่ถ้าไม่มีแผนจะใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ การไม่เข้าร่วมโครงการแล้วยอมเสียภาษีตามปกติ น่าจะช่วยให้ประหยัดเงินได้มากกว่า

ตัวอย่างเช่น คนที่จะได้รับภาษีคืนจากโครงการช้อปดีมีคืน เกิน 3,000 บาท ต้องมีรายได้ตั้งแต่ 500,000 บาทต่อปี และสูงขึ้นไป หรือคิดเป็นรายได้เดือนละ 41,667 บาท และต้องมีเงินช้อปสินค้า 30,000 บาทด้วย

  • คนละครึ่ง

โครงการคนละครึ่ง มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือ พ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็ก ที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอย ที่เป็นบุคคลธรรมดา โดยไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

สำหรับโครงการคนละครึ่ง รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายเป็นค่าสินค้าต่าง ๆ ให้ครึ่งหนึ่ง วงเงินคนละ 3,000 บาท โดยใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ สามารถใช้จ่ายได้วันละ 150 บาท คิดเป็นมูลค่าสินค้า 300 บาท (อีก 150 รัฐบาลออกให้)

ล่าสุดโครงการนี้ เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ เตรียมลงทะเบียนได้ในวันที่ 16 ตุลาคม นี้

แจกเงิน 3000 ๒๐๑๐๑๕ 0

คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด จากโครงการนี้ คือ

คนที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาด ร้านโชห่วย เป็นประจำ

คนที่ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ฯ หรือมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ ต้องเสียภาษี คือ มีรายได้รวมทั้งปีไม่เกิน 310,000 บาท หรือมีเงินเดือนเฉลี่ยไม่เกิน 25,833.33 บาท

คนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี คือมีรายได้รวมทั้งปีเกิน 310,000 บาท แต่มีค่าลดหย่อนส่วนอื่น ๆ ที่ทำให้มีรายได้สุทธิไม่ถึง 150,000 บาท จึงไม่ต้องเสียภาษีในปี 2563 และเมื่อไม่ต้องเสียภาษี จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะใช้สิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืน ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo