กรมทางหลวงของบเวนคืนมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี เพิ่ม 1.4 หมื่นล้าน คาดเข้าที่ประชุม ครม. สัปดาห์หน้า เร่งเบิกจ่ายให้เสร็จในเดือน ต.ค.นี้ เปิดทางผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ก่อสร้าง ผุดไอเดีย เปิดให้รถเก๋งวิ่งมอเตอร์เวย์ 2 สายใหม่ฟรี ระหว่างติดตั้งระบบไม่แล้วเสร็จ บรรเทาปัญหาจราจร
นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทล. ได้ขอจัดสรรกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางใหญ่-กาญจนบุรี เพิ่มขึ้น จาก 5,420 ล้านบาท เป็น 19,637 ล้านบาท โดยคาดว่าจะบรรจุเป็นวาระในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 กันยายนนี้
ถ้าหาก ครม. เห็นชอบตามที่เสนอ ก็จะทำให้มีส่วนต่างค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่มขึ้น 14,217 ล้านบาท โดย ทล. จะเร่งโยกย้ายงบอื่นๆ เพื่อนำมาจ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ส่วนนี้ก่อน เพราะต้องการให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่และเดินหน้าการก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว
เบื้องต้น ทล. วางแผนจะนำค่าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี ในปีงบประมาณ 2561 ที่ค้างอยู่ 9,217 ล้านบาท ไปจ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ก่อนและจะนำงบประมาณในปีงบประมาณ 2562 อีก 5,000 ล้านบาท ไปจ่ายค่ากรรมสิทธิ์ที่เหลือทั้งหมด จากนั้นจึงขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ 2563 จำนวน 14,217 ล้านบาท เพื่อชดเชยงบประมาณ 2 ก้อนดังกล่าว
“ถ้า ครม. เห็นชอบ ก็จะเร่งเบิกจ่ายค่าจัดกรรมสิทธิ์ทั้งหมดภายใน 1 เดือน เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ทันที”นายธานินทร์กล่าว
ที่ผ่านมา ปัญหาค่าเวนคืนทำให้การก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้าเพียง 10-11% หรือล่าช้ากว่าแผนถึง 40% เบื้องต้นคาดว่าการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายนี้จะแล้วเสร็จล่าช้าออกไป 8 เดือนถึง 1 ปี เป็นไตรมาสแรกปี 2564
เปิดให้รถเก๋งวิ่งมอเตอร์เวย์ 2 สายใหม่ฟรี
สำหรับโครงการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายยบางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน 61,000 ล้านบาท ที่จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP Gross Cost นั้น
ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2560 (PPP) ส่งผลให้การลงทุนโอแอนด์เอ็มเสร็จล่าช้ากว่างานโยธาอย่างแน่นอน เพราะเมื่อทราบผลการประมูลโอแอนด์เอ็มแล้ว ก็ต้องใช้เวลาก่อสร้างและติดตั้งระบบอีกราว 2 ปีครึ่ง-3 ปี หรือแล้วเสร็จราวปลายปี 2564
สำหรับช่องว่าง ช่วงที่งานโยธาแล้วเสร็จ แต่งานติดตั้งระบบโอแอนด์เอ็มยังไม่แล้วเสร็จนั้น ทล. ก็มีนโยบายจะทดลองเปิดให้บริการมอเตอร์เวย์ทั้ง 2 สาย คือ บางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี แบบไม่เก็บค่าผ่านทาง เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร แต่ผู้ใช้บริการต้องเป็นรถยนต์ส่วนตัว (รถเก๋ง) ขนาด 4 ล้อและ 6 ล้อเท่านั้น เพราะรถบรรทุกขนาดตั้งแต่ 10 ล้อ อาจส่งผลกระทบต่อการบำรุงรักษาถนน ซึ่งอยู่ในสัญญาโอแอนด์เอ็มได้
เปิด One Stop Service สำหรับรถขนาดใหญ่พิเศษ
นอกจากนี้ ทล. ได้จัดตั้งศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center) สำหรับขออนุญาตเดินรถที่มีลักษณะพิเศษ มีขนาดใหญ่ หรือบรรทุกเครื่องจักรขนาดใหญ่ บนมอเตอร์เวย์ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน
ศูนย์แห่งนี้จะช่วยลดระยะเวลาการขออนุญาตลงจาก 61 วัน เหลือ 15 วัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ นอกจากนี้กำลังพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้มีการยื่นขอใบอนุญาตทางออนไลน์ ซึ่งจะลดระยะเวลาการอนุมัติเหลือ 7 วัน คาดว่าจะเริ่มใช้ได้จริงในอีก 6-7 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันศูนย์แห่งนี้จะช่วยออกแบบเส้นทาง เพื่อทำให้การวิ่งรถปลอดภัยและไม่สร้างความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐาน อย่างถนนหรือสะพาน
แก้ กม.จ่อปรับเจ้าของรถบรรทุกน้ำหนักเกิน “หลักแสน”
ทล. ยังอยู่ระหว่างแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับบทลงโทษรถบรรทุกน้ำหนักเกิน โดยร่างกฎหมายใหม่จะไม่ลงโทษคนขับรถบรรทุกด้วยการจำคุก เพราะทำให้คนขับไม่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ดังนั้นจึงจะเปลี่ยนไปเน้นบทลงโทษ เรื่องการปรับเจ้าของรถหรือเจ้าของสินค้าแทน
เบื้องต้นจะกำหนดบทปรับแบบขั้นบันได ยิ่งน้ำหนักเกินมาก จะยิ่งถูกปรับมากขึ้น แต่สูงสุดจะไม่เกิน 5 แสนล้านบาท โดยปัจจุบัน ทล. ยังอยู่ระหว่างหารือกับเอกชนและผู้เกี่ยวข้องเรื่องการแก้ไขกฎหมาย คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี จึงมีผลบังคับใช้จริง
“ธานินทร์” ปัดคำชวน 2 พรรคการเมือง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (21 ก.ย.) นายธานินทร์ จะทำงานในตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นวันสุดท้าย เนื่องได้ยื่นหนังสือลาออก เพราะปัญหาสุขภาพ โดยนายธานินทร์ยอมรับว่ามีพรรคการเมือง 1-2 พรรค มาทาบทามให้ลงเล่นการเมือง แต่ก็ได้ปฏิเสธไป เพราะหลังจากนี้ต้องการพักผ่อนและรักษาสุขภาพ
ทั้งนี้ นายธานินทร์ ไม่ขอฝากอะไรไว้ ก่อนหมดวาระ เพราะตนก็เจอหน้านายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งอธิบดี ทล. คนใหม่อยู่ทุกวัน ในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มถ่ายโอนภารกิจไปให้นายอานนท์แล้ว เพื่อให้การทำงานใน ทล. เป็นไปอย่างราบรื่น
โดยตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนนี้เป็นต้นไป นายอานนท์จะมาดำรงตำแหน่งรักษาการอธิบดี ทล. แทนตน และนายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะว่าที่อธิบดีกรมขนส่งทางบก (ขบ.) ก็จะมาดำรงตำแหน่งรักษาการอธิบดี ขบ. แทนนายสนิท พรหมวงษ์ ซึ่งทำงานในวันนี้ (21 ก.ย.) เป็นวันสุดท้ายเช่นกัน